เรียกว่างานเข้าสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรอีกเต็ม ๆ เมื่อโดนแฉแผนร้ายชุดใหญ่ โดยอเล็กซานดาร์ วูชิช ประธานาธิบดีเซอร์เบีย ออกมาเปิดเผยกล่าวอ้างว่าอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน แห่งสหรัฐฯ เคยเรียกร้องให้ฮังการี โจมตี เซอร์เบีย ระหว่างปฏิบัติการของนาโต้ในยูโกสลาเวีย ปี 1999 แต่ฝ่ายฮังการีปฏิเสธ แม้ถูกกดดันอย่างหนักหน่วงก็ตาม
วูชิซ กล่าวระหว่างปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเมื่อวันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม เปิดเผยว่า บิล คลินตัน ต้องการให้ฮังการีโจมตีทางภาคพื้นเล่นงานเซอร์เบีย จากทางเหนือ ระหว่างปฏิบัติการรุกรานของนาโต้ในปี 1999 “มันเกี่ยวกับโคโซโว ตอนนี้ ผมจะบอกความจริงกับคุณ บางอย่างที่พวกคุณไม่เคยรู้มาก่อน”
“ในปี 1999 ฮังการีถูกคาดหวังว่าจะโจมตีเซอร์เบียด้วยกองกำลังทางภาคพื้น ท่านวิกเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ยืนยันเรื่องดังกล่าวกับผม และยอมให้ผมนำมันมาเล่าให้สาธารณชนทราบ”
เขาบอกต่อว่า “บิล คลินตัน ประธานาธิบดีอเมริกา เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร เรียกร้องเขาให้โจมตีเซอร์เบียจากทางเหนือ เพื่อที่พวกเขาจะได้กระจายกำลังพลของเราจากโคโซโวและเมโตฮิจา ไปยังเมืองวอยวอดินา แต่ทางออร์บาน ปฏิเสธ”
คำปฏิเสธดังกล่าวทำให้ เออร์บาน ตกอยู่ภายใต้แรงกดกันอย่างหนัก แต่ “เขาได้รับความช่วยเหลือจาก แกร์ฮาร์ท ชเรอเดอร์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี สำหรับรับมือกับแรงกดดันจากทำเนียบขาว”
ผู้นำเซอร์เบียอ้างต่อว่า ในเวลาต่อมานางมาร์กาเรต แธตเชอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้ตำหนิออร์บาน “เพราะว่าจากคำปฏิเสธของเขา จะทำให้ทหารสหราชอาณาจักรเสียชีวิตจำนวนมาก”
นาโต้เปิดปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวียในปี 1999 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวประกอบด้วยเพียงเซอร์เบียและมอนเตเนโกร ในสงครามทางอากาศครั้งนั้น นาโต้เลือกยืนอยู่ข้างพวกแบ่งแยกดินแดนชาติพันธุ์แอลเบเนีย ซึ่งสู้รบกับเซอร์เบีย สำหรับความเป็นเอกราชของโคโซโว จังหวัดหนึ่งของเซอร์เบีย ฮังการี เข้าร่วมนาโต้ในช่วงต้นปีของปีเดียวกัน แต่ไม่ได้เข้าร่วมในสงครามดังกล่าว
ตามคำกล่าวอ้างของ วูชิซ ระบุว่า จากนั้น ออร์บาน ได้มีโอกาสเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร เพื่อพุดคุยกับนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ และอดีตนายกรัฐมนตรีแธตเชอร์ ซึ่งให้การต้อนรับเขาที่ประตูหน้าบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง โดย แธตเชอร์ บอกกับ ออร์บาน ว่า “มันฝังอยู่ในใจฉันที่คุณปฏิเสธโจมตีเซอร์เบีย เพราะมันจะทำให้ทหารอังกฤษเสียชีวิตอีกจำนวนมาก”
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วไม่มีทหารสหราชอาณาจักรเสียชีวิตระหว่างการทำสงคราม ความเป็นปรปักษ์ยุติลงในเดือนมิถุนายน 1999 ภายใต้การลงนามในข้อตกลงคูมาโนโว ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากทหารนาโต้เคลื่อนเข้าสู่โคโวโซ และยังปักหลักอยู่เช่นนั้นจนถึงทุกวันนี้
ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ทางอากาศคราวนั้น ถือเป็นครั้งแรกที่กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ใช้กำลังทหารโดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และยังคงถูกมองจากชาติส่วนใหญ่ทั่วโลก ว่าเป็นปฏิบัติการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย