หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สะพานไครเมียโดนถล่ม โดยในเวลาต่อมา แม้ว่ายูเครนสารภาพว่าเป็นฝีมือทางรัฐบาล ที่ต้องการขู่ตอบโต้ไปยังรัสเซีย ทำให้ทางการรัสเซียได้เปิดการสอบสวนในทันทีต่อเหตุการณ์ขบวนรถบรรทุกน้ำมันระเบิดขึ้นบนสะพานไครเมีย ซึ่งเชื่อมดินแดนไครเมีย ที่รัสเซียผนวกเป็นของตนเองในปี 2014 กับแผ่นดินใหญ่ของรัสเซีย จนเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นและส่งกลุ่มควันปกคลุมท้องฟ้าเหนือสะพานดังกล่าว
โดยรัสเซียส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว ท่ามกลางฝ่ายยูเครน ที่ออกมาบอกว่า นี่เป็นแค่การเริ่มต้น แต่บรรดากูรูหลาย ๆ ท่าน ที่เชี่ยวชาญด้านการสงครามมองว่า เรื่องนี้สหรัฐฯและนาโต้มีความเกี่ยวข้องแน่นอน
ล่าสุด World Update ได้รายงานเรื่องนี้ว่า ยูเครน สู้ซึ่งหน้าไม่ไหว! ยอมรับก่อการร้ายสะพานไครเมีย พร้อมลงรูหลบฝนเหล็ก พื้นที่แหลมไครเมียมีลักษณะเป็นพื้นราบยื่นไปในทะเลดำ มีขนาดเล็กราว 27,000 ตารางกิโลเมตร เป็นดินแดนเก่าแก่แต่โบราณ เคยตกอยู่ในการปกครองของอาณาจักรออตโตมัน
ต่อมาเป็นดินแดนของสหภาพโซเวียติ พอแตกเป็น 15 ประเทศ จึงเป็นสาธารณรัฐไครเมีย เขตปกครองอิสระของยูเครน ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวสลาฟเชื้อสายรัสเซีย จึงทำให้ถูกกดขี่อย่างหนักจากรัฐบาลกลางยูเครน ประจวบกับ NATO มีความต้องการดินแดนนี้มากเพื่อสร้างฐานทัพเรือรบและเรือดำน้ำ เนื่องจากมีช่องแคบเคิร์ชที่เป็นทางออกทะเลน้ำอุ่นอาซอฟของรัสเซีย ไปสู่ทะเลดำ ผ่านช่องแคบบอสฟอรัสตุรกี เส้นทางส่งออกสินค้าทางเรือที่สำคัญของรัสเซีย ดังนั้น NATO จึงมีความพยายามมาหลายสิบปีที่จะใช้แหลมไครเมียเพื่อปิดล้อมรัสเซีย ขัดขวางเส้นทางการส่งสินค้ามาแข่งกับสหรัฐ
จึงยุยงให้ยูเครน ปิดเขื่อนกั้นน้ำจืดจากแม่น้ำดนิปาร์สู่แหลมไครเมีย ตัดกระแสไฟฟ้า เพื่อไล่ที่ชาวสลาฟออกไป เพื่อจะขนย้ายชาวยิวยูเครนมาอยู่อาศัยทดแทน จนเกิดวิกฤติความขัดแย้งสงครามต่อสู้กันขึ้น มีชาวสลาฟหนีตายเข้าไปในรัสเซียกว่า 143,000 คน
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ยูเครนเคยได้รับคำสั่งจากสหรัฐ ให้สั่งกองทัพบุกทางใต้แคว้นเคอร์ซอนไปยึดไครเมีย โดยมีทหาร NATO สั่งการ ถ้าทำไม่ได้ภายในฤดูหนาวนี้ สหรัฐ ขู่ว่า NATO จะหยุดการให้กู้อาวุธแก่ยูเครน นี่จึงเป็นสาเหตุให้เขาสั่งกองทัพยูเครนบุกทางไต้ แต่ถูกผู้บัญชาการทหารสูงสุดยูเครนคัดค้าน ทำให้ฝ่ายการเมืองที่ปรึกษาเขาโกรธมากจนมีคำสั่งปลดผู้บัญชาการทหารระดับพื้นที่ทางใต้ออก แล้วผู้นำยูเครนลงมาล้วงลูกสั่งการกองทัพเอง
อย่างไรก็ตาม จึงมีเหตุให้พอจะเชื่อมโยงได้ว่า เหตุถล่มสะพานไครเมียไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีการวางแผนมาก่อนแล้ว และมีการรู้เห็นจาก NATO เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจจะเชื่อได้ว่า NATO หวังจะได้ดินแดนบางส่วนไปสร้างฐานทัพเรือด้วย
