การออกจากหล่มทุกข์ที่ติดอยู่
แม้ผมบำเพ็ญอยู่ที่บ้านแต่ก็สดับความทุกข์ของผู้คนเป็นจำนวนมากผ่านทางโซเชียล
ปัจจุบันผู้คนที่ติดอยู่ในหล่มทุกข์มักตัดสินใจเลือกจุดจบแบบคิดสั้น
เนื้อหาของทุกข์มีหลากหลายไม่ว่าทุกข์จากหนี้สิน ทุกข์จากความผิดหวังในความรัก ทุกข์จากความเครียดในที่ทำงาน ทุกข์จากความสัมพันธ์ในครอบครัว ทุกข์จากความซึมเศร้า ทุกข์จากความเจ็บป่วย และทุกข์จากความไม่สมหวังในชีวิตรวมทั้งความผิดหวังทางการเมืองที่ไม่ได้ผู้นำดั่งใจตัวเอง
ไม่ว่าเนื้อหาของความทุกข์อันเป็นดราม่าของปัจเจกจะหลากหลายเพียงไหน สิ่งที่เป็นความจริงตรงหน้าสำหรับผู้นั้นที่ร่วมกันคือแต่ละคนล้วนกำลังเป็นทุกข์
… เมื่อเป็นทุกข์ก็ต้องรู้ทุกข์ และตระหนักให้ได้ก่อนว่า ตัวเราผู้กำลังเป็นทุกข์ต้องเป็นคนแก้ทุกข์นั้นที่ใจของเราเอง
เพราะการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและเป็นที่มาของทุกข์มันทำไม่ได้ในทันที แต่ถ้าเราแก้ทุกข์ที่ใจตนเองเราทำได้ทันที… ที่นี่และเดี๋ยวนี้
ตอนที่ผมไปอบรมหลักสูตรการพัฒนาจิตและสุขภาพอย่างบูรณาการที่สถาบันทิศทางไทย ในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมได้ย้ำกับผู้เข้ามาอบรมเสมอว่า
“การพัฒนาจิตก็ดี การออกจากหล่มทุกข์ที่ติดอยู่ก็ดี มันต้องทำอย่างเป็นรูปธรรมด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรมเสมอ ตรงนี้แหละคือหน้าที่ของครูผู้สอนวิชาชีวิต”
ผู้ที่อยู่ในความทุกข์ต้องใช้ “วิธีการที่เป็นรูปธรรมดึงตัวเองเข้าอยู่ในสภาวะจิตแบบกายรวมใจให้ได้ก่อน”
นี่คือความสำคัญลำดับแรกสุดในการที่จะช่วยผู้ที่ติดอยู่ในหล่มทุกข์สามารถค่อยๆพาตัวออกจากหล่มทุกข์ที่ตัวเองกำลังติดอยู่ได้
(1) ยอมรับความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้วก่อนอย่างตรงไปตรงมา
(2) ใช้วิธีการที่เป็นรูปธรรมดึงตัวเองไปสู่สภาวะจิตแบบกายรวมใจ… ทำแบบนี้ทุกครั้งที่จิตของตัวเองรู้สึกทุกข์
(3) จนกระทั่งผู้นั้นแลเห็นด้วยตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ความทุกข์คือความคิด ที่กำลังทุกข์อยู่ก็เพราะความคิดที่เป็นทุกข์นั้นได้ยึดครองพื้นที่ในใจผู้นั้นอยู่ไม่ยอมจากไปไหน ไล่ให้ไปสักพักก็กลับมายึดครองพื้นที่ในใจต่อเหมือนเดิม
(4) เมื่อผู้นั้นได้สติกลับมาหลังจากเห็นทุกข์ในใจตนเองชัดแจ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกข์ในใจมันจะเริ่มคลายพิษสงเอง ตอนนั้นคือเวลาที่ผู้นั้นต้องวางแผนระยะยาวเพื่อแก้ไขต้นตอของทุกข์นั้นอย่างมุ่งมั่น อดทนไม่รีบร้อนค่อยเป็นค่อยไป เพราะไม่มีปัญหาชีวิตใดที่ไม่มีทางออก ต่อให้ต้องเผชิญกับความตาย ก็แค่เผชิญกับความตายด้วยความสงบ สติและจิตไม่หวั่นไหว
(5) “ความสำเร็จที่แท้จริง” คือการดึงความคิดของตัวเองมาอยู่ที่ทุกๆการกระทำตรงหน้าในปัจจุบันขณะด้วยสภาวะจิตแบบกายรวมใจเท่านั้น… ความสำเร็จอย่างอื่นที่ต้องแบกความคาดหวังในผลลัพท์ล้วนเป็นที่มาของความทุกข์ที่ไม่จบสิ้นทั้งสิ้น
ในสายตาของพระโพธิสัตว์ ความสำเร็จที่แท้จริงในชีวิตคือการบรรลุจิตที่อิสระอย่างพุทธะ
นอกเหนือไปจากนี้หาได้มีความสำเร็จที่จีรังดำรงอยู่จริงเลย
ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย