ที่ปรึกษาปูตินโยงเหตุที่ท่อ “นอร์ดสตรีม”ถูกวินาศกรรม เหมือนกับกรณีซีไอเอบึ้มท่อน้ำมันในนิการากัวในอดีต บ่งบอกพฤติกรรมของสหรัฐเคยชินทำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ส่อพิรุธยิ่งมากเมื่อรัสเซียขอมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ แต่นาโต้ และประเทศที่เกิดเหตุต่างก็กีดกันไม่ให้รวมสอบ ทั้งยังส่งกองเรือรบปิดกั้นน่านน้ำให้แต่พวกตัวเองเท่านั้นที่เข้าตรวจสอบหลักฐาน อาการน่าสงสัย
วันที่ ๖ ต.ค.๒๕๖๕ นำนักข่าวาอัลอราบิยาและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า นายนิโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย (Secretary of Russia’s Security Council Nikolai Patrushev) กล่าวถึงสถานการณ์รอยรั่วที่ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม ๑ และนอร์ดสตรีม ๒ ในเส้นทางลอดผ่านใต้ทะเลบอลติก และส่งผลให้ก๊าซมีเทนปริมาณมหาศาลรั่วไหลออกมา ว่าแม้ตอนนี้เดนมาร์กและสวีเดน ซึ่งเป็นสองประเทศที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุมากที่สุด ยืนยันว่าก๊าซหยุดรั่วไหลแล้ว แต่การเข้าไปสำรวจพื้นที่ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้อ้างรายงานโดย Interfax
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายในรัฐบาลมอสโกว์ย้อนไปถึงปี ๒๕๒๖ เมื่อสำนักข่าวกรองกลางหรือซีไอเอ ก่อเหตุโจมตีท่อส่งน้ำมันในนิการากัว ประเทศที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐมาตลอด ซึ่งส่งผลให้เกิดการระเบิดท่อส่งน้ำมันสายหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่ง และกล่าวถึงการที่ “สหรัฐ” มีสถิติการโจมตีท่อส่งเชื้อเพลิงบนโลกมาอย่างต่อเนื่อง
Patrushev กล่าวว่าฝั่งตะวันตกมีประวัติการโจมตีท่อส่งก๊าซตลอดมา ในขณะที่โฆษกของเครมลินดมิทรี เปสคอฟ (Dmitry Peskov) กล่าวว่าสหรัฐฯ จะสามารถเพิ่มราคาและการขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ได้หลังจากการรั่วไหลของก๊าซในท่อส่ง Nord Stream
มอสโกว์ฟันธงว่าการก่อวินาศกรรมทำลายท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมเป็นการกระทำของ “การก่อการร้ายระหว่างประเทศ”
วอชิงตันยินดีกับเหตุการณ์ทำลายท่อก๊าซนี้อย่างเปิดเผย โดยนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยกย่องว่าเป็น”โอกาสอันยิ่งใหญ่”สำหรับยุโรป”ขจัดการพึ่งพาพลังงานของรัสเซียได้ในคราวเดียว”
ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวโทษสหรัฐฯ และพันธมิตรเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าอยู่เบื้องหลัง แต่วอชิงตันปฏิเสธข้อกล่าวหา สหภาพยุโรปยังกล่าวด้วยว่าการรั่วไหลครั้งใหญ่ที่โครงสร้างพื้นฐานเกิดจากการก่อวินาศกรรม และชี้เป้าว่ารัสเซียน่าเป็นคนลงมือ แต่ทางการรัสเซียตอบโต้ว่า ไม่มีเหตุผลที่รัสเซียจะทำลายสินทรัพย์ของตัวเองที่มีมูลค่ามหาศาล นอกจากนี้พื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตรับผิดชอบของหน่วยความมั่นคงสหรัฐและนาโต้
ล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์ก เจพเพ โคฟอด (Jeppe Kofod) ได้ประกาศเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะคัดค้านการมีส่วนร่วมของรัสเซียในการสอบสวนและการระบุตัวผู้รับผิดชอบที่เป็นไปได้ แม้มอสโกว์ให้มีมีการสอบสวนระหว่างประเทศ ทั้งในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ และขอมีส่วนร่วมในการดำเนินการสอบสวน