คางเหลือง!! หนี้สินสหรัฐฯทะลุ$ ๓๑ล้านล้าน เพิ่ม$๓.๓ ล้านล้านฝีมือไบเดน ศก.จริงหัวทิ่ม เน้นขายอาวุธลูกเดียว

0

ฮือฮาสุดๆเมื่อกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดหนี้ทะลุฟ้า ชาติหน้าก็ใช้ไม่หมดของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกา หนี้สาธารณะพุ่งทะลุ ๓๑ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้เลขสองหลักเข้าไปทุกที  อัตราดอกเบี้ยระดับสูง ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสูงต่อไปอีก และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ พบว่าในกองหนี้นั้นมากกว่า ๓.๓ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นมาหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่ง

ในขณะที่หนี้สินท่วมท้นทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือน รัฐบาลไบเดนกลับมุ่งเน้นไปกระตุ้นสงครามในหลายภูมิภาค เพื่อเชิดชูการผลิตอาวุธสงครามและขายทำกำไรมากกว่าการส่งเสริมภาคการผลิตจริง วันนี้แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ยังต้องปลดคนงาน มูลค่าหุ้นลดลง ไม่ต้องพูดถึงธุรกิจระดับกลางและรายย่อยพากันล้มหายตายจาก ท่ามกลางตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรยังดูดี จะเป็นเหตุผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้อีกเพื่อค้ำยันค่าเงินดอลลาร์ต่อไป

วันที่ ๖ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า  ข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ ๔ ต.ค.ที่ผ่านมาเปิดให้เห็น หนี้สาธารณะของสหรัฐฯพุ่งแตะระดับกว่า ๓๑ ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ซึ่งรวมถึงหนี้สาธารณะมูลค่า ๔.๓ ล้านล้านดอลลาร์ และ ๖.๘ ล้านล้านดอลลาร์ในการถือครองระหว่างรัฐบาล

สถิติสูงสุดครั้งใหม่เกิดขึ้นหลังจากระดับหนี้พุ่งขึ้นเหนือ ๓๐ ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เนื่องจากการใช้จ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นท่ามกลางการระบาดของโควิด-๑๙ ซึ่งหมายความว่า ๑ ล้านล้านดอลลาร์เพิ่มเป็นหนี้ในเวลาเพียง ๘ เดือนช่วงสมัยของปธน.ไบเดน

หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี ๒๕๕๒ มีมูลค่ารวมราว ๑๐.๖ ล้านล้านดอลลาร์ แต่เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในปี ๒๕๖๐ หนี้ก็เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ ๒๐ ล้านล้านดอลลาร์

หนี้ทั้งหมด ๓๑ ล้านล้านดอลลาร์มี เท่ากับหนี้ต่อหัวคิดเป็นมูลค่า ๙๓,๔๑๙ ดอลลาร์ เป็นเงินไทย ๓,๔๗๙,๕๗๗.๔๙ บาทต่อคน และขณะนี้รัฐบาลมีหนี้มากกว่าหนี้ผู้บริโภครวมกัน ๖๘% ของทุกครัวเรือนในสหรัฐอเมริกา

ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้ระบุถึงหนี้สินที่ไม่ได้รับเงินซึ่งรัฐบาลได้สะสมไว้ โดยส่วนใหญ่มาจากภาระหน้าที่ต่อผู้เข้าร่วมประกันสังคมและ ประกันสุขภาพ (Medicare)

รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นหนี้เกือบตลอดชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่หนี้นั้นได้พุ่งเข้าสู่ระดับสูงในสหัสวรรษนี้ ด้วยสงครามต่อต้านการก่อการร้าย การขาดดุลทางการค้าครั้งใหญ่ และทุ่มทุนสงครามยูเครน ทำให้รัฐสภาใช้จ่ายเงินอย่างยากลำบากมากขึ้น เพราะเพดานหนี้ทะลุเกินความสามารถในการชำระหนี้ไปแล้ว  ในขณะที่ยังคงมีเพียงพอสำหรับพลเมืองของตน แต่สหรัฐอเมริกาสามารถใช้จ่ายได้นานแค่ไหนและจะมีผลกระทบอย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและถกเถียงกันต่อไป

คณะกรรมการฝ่ายบริหารงบประมาณแผ่นดินสหรัฐฯหรือหน่วย CRFB ประมาณการณ์เมื่อเดือนที่แล้วว่า นโยบายต่างประเทศของปธน.โจ ไบเดนที่หนุนสงครามในยูเครน อาจทำให้ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีก ๔.๘ ล้านล้านดอลลาร์ ในระหว่างปีงบประมาณ ๒๐๒๑ – ๒๐๓๑

CRFB ระบุว่า “การกู้ยืมเงินมากจนเกินไปจะทำให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อแบบต่อเนื่อง จะผลักให้หนี้สาธารณะพุ่งแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่อย่างเร็วที่สุดในปี ๒๐๓๐ และทำให้รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเป็นสามเท่าตัวในช่วง ๑๐ ปีข้างหน้า หรืออาจเร็วกว่านั้น หากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็วขึ้น หรือมากว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้” 

สถิติระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยหนี้ค้างชำระอยู่ที่ ๑๐.๖ ล้านล้านดอลลาร์ ตอนที่อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เข้ารับตำแหน่งในวันที่ ๒๐ ม.ค. ๒๐๐๙ และอยู่ที่ ๑๙.๙ ล้านล้านดอลลาร์ ตอนที่อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในวันที่ ๒๐ ม.ค. ๒๐๑๗ และอยู่ที่ ๒๗.๘ ล้านล้านดอลลาร์ ตอนที่ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในวันที่ ๒๐ ม.ค.๒๗๒๑ ๗ษฏข้อมูลของกระทรวงการคลัง

อเล็กซ์ เพลล์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวสหรัฐฯจากบริษัทมิซูโฮะ ซีเคียวริตี้ ให้ความเห็นว่าหนี้สาธารณะพุ่งกระฉูดอาจบ่งชี้ถึง “ปํญหาใหญ่หลวงมาก” ในอนาคต อันใกล้ แต่ในระยะเฉพาะหน้านี้เงินเฟ้อในระดับสูงคือความกังวลสูงสุด

“รูปแบบปัญหาหนี้ใดๆ มีความเป็นไปได้อย่างแท้จริงที่มันจะเป็นประเด็นปัญหาแต่หนึ่งในประโยชน์ของการเป็นสกุลเงินสำรองของโลก ก็คือทุกคนต่างอยากซื้อพันธบัตรของคุณ”

การที่สถานะของเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก “ยอมให้ใช้ได้อย่างฟุ่มเฟือยที่จะทำลายสกุลเงินอื่นๆ” แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะอยู่ยงคงกระพัน

การที่รัสเซีย จีน และพันธมิตรประเทศอื่นๆ ได้ส่งสัญญาณว่าพวกเขาจะเลิกใช้เงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินสำรองของโลก และเคลื่อนไปสู่สกุลเงินสำรองในภูมิภาคมากขึ้น หากพวกเขาทำเช่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะเป็นหายนะสำหรับเงินดอลลาร์ และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่สหรัฐฯ ได้ใช้แนวทางเชิงรุกบีบจีนและรัสเซีย นำมาสู่วิกฤตซ้อนวิกฤตทุกชนิดที่เกิดขึ้นในขณะนี้