ในที่สุดประธานาธิบดีรัสเซียได้ลงนามกฎหมายผนวก ๔ แคว้นอย่างเป็นทางการซึ่งหมายความว่า ยุทธศาสตร์หลักที่เปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารบรรลุเป้าหมาย ปลดปล่อยดอนบาสสำเร็จ และได้แถมอีก ๒ แคว้นเพราะประชาชนได้รับรู้อย่างชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลเคียฟต้องการขับไล่คนยูเครนที่มีเชื้อสายรัสเซียอย่างโหดร้ายต่อเนื่องมาถึง ๘ ปี ทำให้เมื่อเปิดกาารลงประชามติจึงออกมาโหวดอย่างท่วมท้นเกือบ ๑๐๐% นั่นคือปธน.ปูตินได้ทำตามคำแนะนำของมิตรร่วมรบอย่างสี จิ้นผิงและนเรนทรา โมดีที่ขอให้ส่งเสริมประชาธิปไตย แต่สื่อตะวันตกตีความว่าจีนและอินเดียหันหลังให้รัสเซีย วันนี้อาจเข้าใจแล้วว่าเพื่อนเขาส่งซิกกันแบบไหน
เมื่อมีความชอบธรรมทางกฎหมายแล้ว นับจากนี้ไปอาจได้เห็นเซอร์ไพรซ์ของปูตินในสมรภูมิยูเครน ท่ามกลางการรบดุเดือดของกองหน้านักรบกล้าเชเชน และหน่วยการบินอวกาศของรัสเซีย
ขณะที่กลิ่นไอสงครามคุกรุ่นในยุโรป และเอเชีย-แปซิฟิก เสียงปืน-ระเบิดในตะวันออกกลางก็แพร่ขยายในหลายจุด สงครามเศรษฐกิจยิ่งดุเด็ดเผ็ดยิ่งกว่า เมื่อสองพลัง ทั้งอำนาจเก่าสหรัฐและพันธมิตร กับกลุ่มใหม่หลายขั้วฟาดฟันกันในเกมค่าเงิน ที่ดูเหมือนว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งแกร่งดุจหินผา ข่มค่าเงินทั้งโลกที่ผูกตะกร้าเงินกับดอลลาร์จมดิ่งอย่างน่าวิตก เกิดแรงเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้ามาซบดอลลาร์อย่างคึกคัก แต่ศึกยังไม่จบเมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐผูกกับน้ำมัน เป็นแหล่งกำเนิดของอำนาจมหาศาลที่โลกมอบให้สหรัฐ ซึ่งวันนี้โลกจะขอคืน ปรากฏการณ์ขับเคี่ยวเกี่ยวกับพลังงานจึงเกิดขึ้นเป็นคู่ขนานกับการรบทางทหาร
ล่าสุดรัสเซียจ่อลดการผลิตน้ำมันเมื่อถูกจำกัดเพดานราคา เตือนอียูหาอุปทานยากหนาวนี้อาจพอทำเนา สถานการณ์กดดันให้ทั้งสหรัฐและอียูต้องเทน้ำมันสำรองจนหมดคลัง แต่หนาวหน้าจะยิ่งสาหัสกว่าปีนี้
วันที่ ๖ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวบลูมเบิร์กและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เปิดเผยว่ามอสโกอาจปรับลดกำลังผลิตเพื่อชดเชยผลกระทบทางลบจากมาตรการจำกัดเพดานราคาที่กำหนดโดยตะวันตก ในขณะเดียวกันทบวงพลังงานสากลส่งเสียงเตือนไปยังอียูว่า อาจเผชิญวิกฤตขาดแคลนพลังงานสาหัสสากรรจ์กว่านี้ในปีหน้า เนื่องจากใช้คลังสำรองที่มีอยู่หมดไปแล้วในช่วงฤดูหนาวปีนี้ ท่ามกลางความกังวลว่ามาตรการจำกัดเพดานราคา จะทำให้ควานหาอุปทานได้ยากลำบากกว่าเดิม
การเคลื่อนไหวเพื่อจำกัดราคาส่งออกน้ำมันของรัสเซีย อาจนำไปสู่การลดการผลิตของประเทศชั่วคราว เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านพลังงานกล่าวในกรุงเวียนนาหลังจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+)ประกาศ ลดอุปทาน ๒ ล้านบาร์เรลต่อวัน รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ย้ำเตือนว่าประเทศของเขาจะไม่ขายน้ำมันให้กับประเทศใด ๆ ที่ใช้นโยบายจำกัดเพดานราคาตามคำสั่งวอชิงตัน
โนวัคกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า “การจำกัดเพดานราคาสร้างแบบอย่างที่ไม่ดี และจะกระทบต้นทุนของผู้ที่ทำการผลิตจริงๆ เป็นหลักกลไกนี้ไม่เป็นที่ยอมรับของรัสเซีย”
เขากล่าวว่า “การแทรกแซงตลาดสามารถนำไปสู่การขาดดุลเท่านั้นเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนในบางภูมิภาค ค่าขนส่งที่สูงขึ้น การส่งมอบที่ล่าช้า ทำให้เกิดความผันผวนค่อนข้างมาก”
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาว่าการผลิตน้ำมันของรัสเซียอาจลดลงเหลือ ๔๙๐ ล้านตันในปี ๒๕๖๖ จาก ๕๓๐ ล้านตันในปีนี้
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดประเมินว่าการจำกัดราคาสามารถลดการผลิตน้ำมันของรัสเซียได้มากถึง ๓ ล้านบาร์เรลต่อวัน
แผนกำหนดเพดานราคาที่เห็นพ้องกันโดยกลุ่มประเทศร่ำรวยจี ๗ เรียกร้องบรรดาประเทศสมาชิก ปฏิเสธให้บริการด้านประกันภัย เงินทุน โบรกเกอร์ การเดินเรือและบริการอื่นๆ แก่สินค้าน้ำมันของรัสเซียที่มีราคาเหนือกว่าเพดานราคาที่กำหนดไว้สำหรับน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันต่างๆ
โนวัคกล่าวย้ำว่า “หากมีการกำหนดราคาสูงสุดและเราไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางน้ำมันไปยังตลาดอื่นได้ เราจะลดการผลิตลงเท่าที่จำเป็น แต่รัสเซียจะควบคุมกระแสการส่งออกอีกครั้งและมองหาผู้ซื้อรายใหม่ และเมื่อห่วงโซ่อุปทานเหล่านั้นถูกแทนที่ เราคาดว่าจะฟื้นตัวได้”
สถานการณ์โดยรวมในสงครามพลังงานซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ การกบฎต่อเปโตรดอลลาร์ยิ่งเข้มข้น เมื่อสหรัฐและพวกพร้อมทำลายอุตสาหกรรมน้ำมันที่ตัวเองสั่งไม่ได้อีกต่อไป เพราะรัสเซียและพันธมิตรโดยเฉพาะกลุ่มอ่าวอาหรับที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่กบฎต่อเปโตรดอลลาร์ ให้ใช้เงินหยวนและเงินสกุลท้องถิ่นซื้อขายน้ำมันแทน สถานการณ์เช่นนี้สหรัฐและอียูจึงแก้เกมด้วยการทำลายฝ่ายตรงข้าม เพราะตัวเองสำรองน้ำมันไว้มากพอ ทั้งที่มีอยู่อย่างถูกกฎหมายและที่ปล้นมาจากซีเรีย-อาฟริกาฯ การลดกำลังผลิตจึงเป็นการตอบโต้ฝ่ายตะวันตกที่มุ่งทำลายอุตสาหกรรมน้ำมันทั้งๆที่ สหรัฐและพวกเป็นฝ่ายเปิดเกมวิกฤตพลังงานทั่วโลกจากการขับรัสเซียออกจากตลาดยุโรป ทำลายห่วงโซ่การผลิต ซึ่งล่าสุดก็ทำลายท่อส่งก๊าซเพื่อตัดทางยุโรปเปลี่ยนใจกลับมาซื้อพลังงานรัสเซียอีก
ศึกใหญ่โค่นเปโตรดอลลาร์ยังไม่จบ ต้องจับตาต่อไปว่า การสู้รบทางทหารจะรุนแรงมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่า เมกาและพวกจะพ่ายยับในศึกเศรษฐกิจหรือไม่ ไม่นานจะได้เห็น??