ปูตินเดือดเบอร์แรง ไบเดนเอาไง! รัสเซียเตือนสหรัฐฯครั้งสุดท้าย หากยังช่วยเหลือยูเครนเพิ่ม เตรียมเจอทัพทหารปะทะโหด

0

หลังจากที่กระทรวงกลาโหมยูเครน ได้รายงานอ้างว่า แนวหน้าของรัสเซียในพื้นที่ทางใต้ของยูเครนล่มสลายแล้ว หลังทหารยูเครนโต้กลับจนทหารรัสเซียต้องล่าถอย และสามารถรุกคืบแย่งดินแดนคืนจากรัสเซียได้ 16 กิโลเมตร ในเวลาเพียง 4 ชั่วโมง ปลดปล่อยเมืองที่ถูกยึดครองได้หลายสิบเมืองในภูมิภาคเคอร์ซอน แต่ไม่ว่ายูเครนจะบุกรุกด่านหน้ามาแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้รัสเซียหวาดผวาแต่อย่างใด เพราะปูติน เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า การบุกตอบโต้ของยูเครนว่าไม่ได้ทำให้รัสเซียต้องเปลี่ยนแผน

ก่อนหน้านี้การบุกโจมตีตอบโต้ของยูเครนทำให้พวกเขายึดพื้นที่คืนมาได้กว่า 8,000 ตร.กม. ในช่วงเวลาแค่ 6 วันในภูมิภาคคาร์คีฟทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ล่าสุดมีรายงานว่านายอนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐเปิดเผย เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯในการส่งความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มขึ้นไปยังยูเครนนั้น เป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของรัสเซีย และเพิ่มความเสี่ยงของการปะทะกันทางทหารระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก

“เรารับรู้ว่านั่นเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ของประเทศเราในทันที” นายอันโตนอฟระบุข้อความผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรมเอาไว้ด้วย

ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานการเปิดเผยของนายอันโตนอฟซึ่งระบุด้วยว่า “การจัดหายุทโธปกรณ์ทางทหารของสหรัฐและพันธมิตร ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดการนองเลือดที่ยืดเยื้อและการบาดเจ็บล้มตายครั้งใหม่ แต่ยังเพิ่มอันตรายจากการปะทะกันทางทหารโดยตรงระหว่างรัสเซียและประเทศตะวันตกด้วย”

ยูเครน - รัสเซีย : รัสเซียโจมตีศูนย์ฝึกทหารในยูเครนใกล้พรมแดนโปแลนด์ - BBC News ไทย

อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งสหรัฐฯ มีการวางแผนใหม่ ทั้งเพนตากอนที่เกณฑ์ทหารยูเครนบางส่วนออกไปฝึกใช้อาวุธ และไบเดนก็ประกาศว่า จะอัดฉีดงบให้ยูเครนต่อไปจนกว่าสงครามจะชี้ชัด ว่าใครแพ้ ใครชนะ แน่นอนว่าสหรัฐฯจะไม่ยอมให้ยูเครนแพ้ แต่ด้วยสงครามที่ลากยาวมากว่า 7 เดือน ทำให้ยูเครนก็ผวาไม่น้อย และไม่อาจวางใจว่าจะชนะด้วยซ้ำ ทั้งนี้รวมไปถึงเยอรมันที่เคยเปิดเผยไว้ว่า คลังแสงของรัสเซียยังมีอีกมหาศาล ที่เสียไปอาจจะเป็นส่วนน้อย สหรัฐฯต้องรับมือให้ดี ถ้ารัสเซียเอาจริงขึ้นมา ก็อาจจะไม่รอดกันทั้งหมด

สงครามยูเครน วันที่ 124 ตึงเครียด นาโตจะเพิ่มทหารเกือบ 8 เท่า 3 แสน

 

โจ ไบเดน : นโยบายการต่างประเทศของอเมริกาจะเปลี่ยนไปอย่างไรภายใต้ผู้นำจากพรรคเดโมแครต - BBC News ไทย