ถือว่าเป็นหายนะใหญ่อีกครั้งต่อสหราชอาณาจักร เพราะกำลังเผชิญความเสี่ยงอย่างมากต่อปัญหาขาดแคลนก๊าซในฤดูหนาวนี้ จากการเปิดเผยของคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบซึ่งนั่นหมายความว่ามันอาจกระทบต่ออุปทานไฟฟ้าด้วย ออฟเจม (Ofgem) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบด้านพลังงานของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า สืบเนื่องจากสงครามของรัสเซียกับยูเครน มีความเป็นไปได้ที่สหราชอาณาจักรจะเข้าสู่ “สถานการณ์ฉุกเฉินด้านอุปทานก๊าซ”
สถานการณ์ดังกล่าวอาจนำมาซึ่งปัญหาไม่มีอุปทานก๊าซป้อนสู่สถานีไฟฟ้าต่างๆ ของประเทศที่ใช้ก๊าซในการก่อกำเนิดไฟฟ้า และทำให้บรรดาบริษัทผู้บริหารงานทั้งหลายเสี่ยงเผชิญภาวะถังแตก เพราะพวกเขาอาจต้องชดใช้ค่าปรับมูลค่ามหาศาล หากไม่อาจส่งมอบไฟฟ้าตามสัญญาได้
ออฟเจม เขียนชี้แจงในเรื่องนี้ในจดหมายตอบกลับไปยังบริษัท SSE ซึ่งเป็นผู้บริหารสถานีไฟฟ้าพลังงานก๊าซ 4 แห่งในสหราชราชอาณาจักร หลังจาก SSE แสดงความกังวลว่าบรรดาผู้บริหารสถานีไฟฟ้าพลังงานก๊าซทั้งหลายอาจเผชิญค่าปรับมูลค่าหลายล้านปอนด์ หากว่าไม่สามารรถทำตามสัญญาป้อนอุปทานไฟฟ้า “อันมีต้นตอจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา สืบเนื่องจากสงครามในยูเครนและปัญหาขาดแคลนก๊าซในยุโรป จึงมีความเสี่ยงอย่างมากที่ภาวะขาดแคลนก๊าซจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว 2022-23 ในสหราชอาณาจักร และผลคือ มีความเป็นไปได้ที่สหราชอาณาจักรอาจเข้าสู่สถานการณ์ฉุกเฉินด้านอุปทานพลังงาน”
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้น อุปทานที่ป้อนสู่พวกผู้ใช้ก๊าซรายใหญ่ที่สุดจะถูกตัด ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นบรรดาสถานีไฟฟ้าพลังงานก๊าซขนาดใหญ่ ซึ่งผลิตไฟฟ้าป้อนสู่ระบบจ่ายไฟฟ้าแห่งชาติ ในกรณีที่อุปทานไฟฟ้าเกิดปัญหาวุ่นวาย บรรดาบริษัทผู้ดูแลสถานีไฟฟ้าจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เรียกว่าค่าชดเชยพลังงงานไฟฟ้าไม่สมดุล ซึ่งครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายของทางโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติ ที่จำเป็นต้องหาไฟฟ้าจากแหล่งอื่น ๆ มาทดแทน และผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นคือ มีความเป็นไปได้ที่บรรดาบริษัทผู้ดูแลสถานีไฟฟ้าพลังงานก๊าซอาจถึงขั้นล้มละลาย หากสถานการณ์ฉุกเฉินทางอุปทานเกิดขึ้นจริง
นอกจากอังกฤษจะต้องผวาเรื่องพลังงานที่ขาดแคลน และบริษัทผลิตไฟฟ้าใกล้ล้มละลายแล้ว ยังมีเรื่องปัญหานิวเคียร์ที่เริ่มมีสัญญาณชัดอีกเช่นกัน เมื่อสื่ออังกฤษรายงานพบว่า “ขบวนรถไฟคอนวอยนิวเคลียร์ปูติน” กำลังมีการเคลื่อนขบวนวิ่งอยู่ในภาคกลางรัสเซีย เพื่อมุ่งหน้าสู่แนวหน้าในยูเครน และอังกฤษเคยมีประเด็นยั่วยุปูตินเรื่องคว่ำบาตรมาโดยตลอด พร้อมทั้งรัสเซียยังเคยขู่ว่า ถ้าเขาจะใช้นิวเคลียร์ ลอนดอนอาจจะเป็นที่แรกที่ได้รับสิ่งนั้นตอบแทน ทำให้หลังจากนั้นมี อังกฤษก็เคลื่อนไหวเรื่องการคว่ำบาตรน้อยลง จนนายกฯคนใหม่ ลิส ทรัสซ์ ได้ประกาศกร้าวว่า ตนเองก็พร้อมใช้นิวเคลียร์เช่นกัน จึงทำให้น่าจับตากับความผวารอบนี้ว่าอังกฤษเจอเรื่องปวดหัวหลายด้าน และพลังงานและต้องผวานิวเคลียร์ของรัสเซียต่อไป
