หลังจากที่กระทรวงกลาโหมยูเครนออกมายืนยันในวันอังคารที่ 4 ต.ค.2565 ที่ผ่านมาว่า นาวิกโยธินของพวกเขาสามารถยึดคืนเมืองดาวีดิฟ บริด และเมืองเวลีกา โอเลกซานดริฟกา ในแคว้นเคอร์ซอน ทางตอนใต้กลับคืนมาจากรัสเซียได้แล้ว และกำลังมุ่งหน้าบุกต่อสู่เมืองแถบทะเลดำด้วยความมั่นใจ โดยทางด้านนายยูริ โวโบเลฟสกี รองประธานสภาปกครองแคว้นเคอร์ซอนของยูเครน ยืนยันการปลดปล่อยเมืองเวลีกา โอเลกซานดริฟกา ผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม
ทั้งนี้ เคอร์ซอนเป็น 1 ใน 4 แคว้นที่ถูกรัสเซียยึดครองบางส่วน และถูกรัสเซียประกาศผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอย่างผิดกฎหมายระหว่างประเทศไปเมื่อสัปดาห์ก่อน สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเกิดขึ้นในขณะที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัสเซียกับนักวิเคราะห์ออกมายอมรับว่า กองทัพยูเครนกำลังมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญไปสู่การยึดคืนเมืองเคอร์ซอน เมืองเอกของแคว้น บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดีนิโปร และแผนที่ยูเครนที่กระทรวงกลาโหมเผยแพร่ในการแถลงวันอังคารก็แสดงให้เห็นว่า รัสเซียเสียดินแดนในเคอร์ซอนมากขึ้น แม้ว่าเรื่องนี้รัสเซียจะยังไม่ออกมาตอบโต้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ที่ยูเครนยึดเมืองคืนกลับไปได้ แต่พบว่ารัสเซียยังคงวางกำลังพลหนาแน่น และพุ่งเป้าทำลายอาวุธอื่น ๆ ของยูเครนมากขึ้น
โดยรัสเซียยกระดับใช้โดรนประสิทธิภาพสูง ล็อคเป้าทำลายปืนใหญ่ของยูเครนได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งมีรายงานว่า ปูตินได้สั่งการเพิ่มทัพรถหุ้มเกราะ ส่งไปยังด่านหน้าที่เคอร์ซอนเพิ่มขึ้น ซึ่งรถหุ้มเกราะนี้เป็นรถล็อตใหม่ ที่จะเข้ามาต่อกรกับทัพยูเครน ในบริเวณด่านหน้าเขตเคอร์ซอน
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้ ถือว่ามีความดุเดือด ที่ทั้งสองฝ่ายชิงตอบโต้ไปมาอย่างหนัก รวมทั้งประธานาธิบดียูเครน ออกมาประกาศไว้ว่า ทำตามเจตจำนงที่แสดงไว้ ด้วยการลงนามในคำสั่งที่มีสถานะเป็นกฎหมายของประเทศ เพื่อย้ำว่า จะไม่เจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แต่คุยกับรัสเซียได้ แต่ขอเพียงว่าไม่ใช่ปูติน ส่วนฟากโฆษกรัฐบาลรัฐเซียชี้ เราจะไม่ยอมเจรจาเช่นกัน เพราะความขัดแย้งยังไม่จบ
