สงครามตัวแทนในยูเครนได้ยกระดับเข้มข้นยิ่งขึ้น หลังการรวม ๔ แคว้นสู่รัสเซียผ่านขั้นตอนทางกฎหมายเรียบร้อย ผู้นำชาวเชเชน แรมซาน คาดิรอฟ ซึ่งเป็น พันธมิตรที่ใกล้ชิดของปธน. ปูติน แห่งรัสเซียและร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้ในสมรภูมิเดือดหลายแห่งทั้งอาฟริกา ลิเบียและซีเรีย เขาส่งลูกชายวัยรุ่นสามคนของเขาไปยังแนวหน้าเพื่อต่อสู้ในสงครามในยูเครน หลังจากวิจารณ์ยุทธวิธีสู้รบในสนามรบหลายครั้งว่าอ่อนไปโหดไม่พอ มิหนำซ้ำยังยุให้ใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีไม่ต้องปราณีศัตรู ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่ออกมาปราม ขณะนี้หน่วยรบพิเศษของเขา ได้เข้าประจำที่ในแนวหน้าของเมืองบัคมุทในภูมิภาคโดเนตส์และเมืองลิชิฮันสก์ในภูมิภาคลูฮันสก์ เรียบร้อย เพราะสองแคว้นนี้เป็นเป้าหมายหลักของยูเครนที่ต้องการบุกตะลุยมายึดคืนเพื่อเรียกขวัญกำลังใจและโหมโฆษณาชัยชนะเหนือรัสเซีย
และข่าวฮือฮาเมื่อสื่ออังกฤษรีบเผยแพร่ภาพขบวนรถคอนวอยลำเลียงขีปนาวุธนิวเคลียีร์ของรัสเซียมุ่งหน้าสู่ ๔ แคว้น บ่งบอกสถานการณ์เดือดระอุที่ทั้งรัสเซียและยูเครน-นาโต้ต่างเตรียมเผด็จศึก ซึ่งยังไม่มีใครเดาใจรัสเซียได้ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้
ด้านยูเครนกลับประเมินว่าการสู้รบกับรัสเซียจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพราะมั่นใจว่าสหรัฐละพันธมิตรนาโต้จะหนุนช่วยอย่างเต็มที่หลังมีผลงานรุกคืบในแนวหน้าของโดเนตสก์อย่างเมืองลิมาน ทำให้ฮึกเหิมและกำลังประเมินรัสเซียผิดไปจากข้อเท็จจริง
สหรัฐและนาโต้บอกไม่ต้องการรบกับรัสเซียโดยตรง แต่ยังคงส่งอาวุธให้แก่เคียฟ รัวๆ สหรัฐฯเพิ่งประกาศความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมอีก ๑.๑ พันล้านดอลลาร์ทำให้ยอดรวมที่ได้รับตั้งแต่ปี ๒๕๖๔ เป็น ๑๖.๙ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันจันทร์ สื่อของสหรัฐฯ อ้างว่าเพนตากอนกำลังเตรียมยุทธภัณฑ์มูลค่า ๖๒๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐให้อีก
วันที่ ๕ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานคำยืนยันของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ (Sergei Lavrov) กล่าวเมื่อวันอังคารว่า ประเทศส่วนใหญ่ให้การยอมรับอย่างท่วมท้นในการรวมดินแดน ๔ แคว้นกับรัสเซีย และตระหนักถึงความชอบธรรมของรัสเซีย ในการเผชิญหน้ากับยูเครนและประเทศสนับสนุนที่เพิ่มขึ้น
ลาฟรอฟสรุปว่า “แนวทางอื่นใด ทั้งการเพิ่มระดับการเผชิญหน้า การระดมกองกำลังต่อต้านรัสเซีย ภัยคุกคามและการแบล็กเมล์ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่จารึกในประวัติศาสตร์ รวมทั้งการลงประชามติรวมรัสเซียของประชาชนใน ๔ แคว้น ไม่ว่าตะวันตกจะยอมรับหรือไม่ก็ตามและความจริงจะเป็นฝ่ายชนะ”
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้ออกแถลงการณ์คำพูดของรัฐมนตรีฯทันทีหลังจากที่วุฒิสภารัสเซียให้สัตยาบัน สนธิสัญญาว่าด้วยการรับดินแดนใหม่ทั้งสี่แห่งเข้าสู่ประเทศ
ด้านบรรยากาศในสมรภูมิรบ ที่เคอร์ซอน สนามรบที่ยูเครนประกาศจะยึดคืน กลายเป็นสมรภูมิประจันหน้าของรถถังสองฝ่าย กองทัพรัสเซีย ส่งโดรนลาดตระเวนสอดแนมติดกล้องส่องกลางคืนระบบอินฟาเรด ทำหน้าที่ชี้เป้าให้หน่วยทหารปืนใหญ่ยิงปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน 2S19 Msta 152 mm. โจมตีรถถังหลักโปแลนด์ T-72 ใช้งานโดยกองทัพยูเครนที่แอบซุ่มอยู่ตามป่า ผลคือรถถังเคียฟแหลกคนไม่รอด
ขณะที่การสู้รบดุเดือดในสมรภูมิยูเครนยังเดินอยู่ ยูเครนออกมาให้สัมภาษณ์อย่างหมายมั่น ประเมินว่าการสู้รบกับรัสเซียจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
นายมิไคโล โปโดลยัค (Mykhailo Podolyak) ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี้ให้สัมภาษณ์ ว่าการสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซียจะไม่ยืดเยื้อนานหลายปี แต่อาจสิ้นสุดลงในระยะเวลาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากยูเครนได้รับการสนับสนุนอาวุธจากชาติตะวันตกอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับประเมินว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียจะไม่เจรจาสันติภาพกับยูเครนจนกว่ารัสเซียจะพ่ายแพ้ในการสู้รบ ส่วนการที่รัสเซียขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดขึ้นจริง
ด้านสหรัฐเชื่อว่า ยูเครนสามารถโจมตีเป้าหมายของรัสเซียทั้งหมด รวมถึงในแหลมไครเมีย โดยใช้อาวุธที่สหรัฐฯ จัดหาให้ เช่น ระบบจรวดปล่อยจรวดขีปนาวุธนำวิถี (GMLRS) ที่ใช้กับระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่สูง (HIMARS)
รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม สำหรับกิจการรัสเซีย ยูเครน และเอเชีย ลอร่า คูเปอร์ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า”เป็นการประเมินของเราว่า ด้วยความสามารถ GMLRS และ HIMARS ที่เรากำลังจัดหาแพ็คเกจนี้ให้มากขึ้น จะทำให้ยูเครนเปลี่ยนเป็นฝ่ายได้เปรียบรัสเซีย”
แต่ดูเหมือนว่า ผู้เสียภาษีของสหรัฐฯ ไม่สามารถส่งเงินอีกหลายพันล้านดอลลาร์ให้ยูเครนอีกต่อไปได้ เนื่องจากวอชิงตันเสี่ยงต่อความขัดแย้งทางนิวเคลียร์กับรัสเซียโดยตรงมากขึ้น ประเด็นนี้ก็ถูกท้วงติงโดยส.ส.รีพับลิกัน แมตต์ โรเซนเดล กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “ผู้เสียภาษีชาวอเมริกันไม่มีเงิน ๗ หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน ฉันกลัวว่าการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นของเราเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติและทำให้เราต้องเผชิญกับการปะทะกับพลังงานนิวเคลียร์โดยตรง” เขากล่าววิพากษ์วิจารณ์ว่า สหรัฐฯ ควรหันความสนใจไปที่การใช้เงินทุนของผู้เสียภาษีในประเด็นภายในประเทศแทน” คำพูดนี้กำลังจุดกระแสไม่พอใจต่อปธน.ไบเดนมากขึ้นควบคู่กับคะแนนนิยมที่ตกต่ำต่อเนื่อง!!!