สถานการณ์ในอิหร่านกำลังร้อนระอุบานปลายเป็นกระแสต่อต้านรัฐบาลเตหะรานมากขึ้น ขยายวงจากประท้วงกรณีหญิงสาวถูกจับเพราะไม่สวมฮิญาบและเสียชีวิตระหว่างจับกุม สร้างความโกรธแค้นอย่างมากมายด้วยการเคลื่อนไหวสนับสนุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้กำลังหลักในการเคลื่อนไหวเป็นนักศึกษาฯ ละม้ายคล้ายเหตุการณ์ในฮ่องกง
บรรยากาศลุกลามเมื่อเจ้าหน้าที่ความมั่นคงปราบปรามการประท้วงของกลุ่มนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชาริฟ ในกรุงเตหะราน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปภายในมหาวิทยาลัย แต่กลุ่มนักศึกษาปิดประตูทำให้เกิดการปิดล้อม นักศึกษาที่พยายามออกไปผ่านลานจอดรถใกล้เคียง ถูกเจ้าหน้าที่ไล่จับแล้วนำตัวไป
การปิดล้อมถูกยกเลิกในเวลาต่อมา หลังจากศาสตราจารย์หลายคนกับรัฐมนตรีของรัฐบาลอิหร่านเข้ามาไกล่เกลี่ย อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ กลุ่มนักศึกษาประกาศว่าพวกเขาจะไม่กลับไปเรียนจนกว่าเพื่อนนักศึกษาที่ถูกจับกุมจะได้รับการปล่อยตัว การประท้วงยังเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ในกรุงเตหะราน และเมืองอื่นๆ ในประเทศ รวมถึงเมือง มัชฮัด, อิสฟาฮาน, ชีราซ, ตาบริซ และ เคอร์มันชาห์ ด้วย
วันที่ ๔ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และอัลจาซีรา รายงานว่า ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก
อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Khamenei)ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวถึงกรณีผู้ชุมนุมประท้วงชาวอิหร่านแสดงความไม่พอใจและทำร้ายร่างกาย จนท.ฝ่ายความมั่นคงของอิหร่าน พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำสูงสุดอิหร่านลาออก ภายหลังจากการเสียชีวิตของ มาห์ซา อะมินี(Mahsa Amini) หญิงชาวอิหร่านซึ่งถูกจับกุมในข้อหาไม่แต่งกายตามประเพณีอันดี เมื่อวันที่ ๓ ต.ค.ที่ผ่านมา
คาเมเนอี เน้นว่า เขามีความเสียใจอย่างสูงสุดต่อการเสียชีวิตของอะอมินี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสนับสนุนการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ในการปราบปรามสถานการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ ซึ่งลุกลามขยายวงจากการประท้วงเรื่องอะมินี เป็นการเรียกร้องให้ยุติระบอบการปกครองของอยาตอลเลาะห์
Students at one of Iran's top universities clashed with police, resulting in mass arrests, as protests over the death of Mahsa Amini show no sign of diminishing.
Meanwhile, the country's supreme leader blames the US and Israel for the unrest. pic.twitter.com/xvcW81N7mh
— DW News (@dwnews) October 3, 2022
การประท้วงปะทุขึ้นในเมืองและเมืองต่างๆ ทั่วประเทศอิหร่านเมื่อกว่าสองสัปดาห์ก่อน หลังจากการเสียชีวิตของ มาห์ซา อะมินี วัย ๒๒ ปีในการควบคุมตัวของตำรวจ เธอถูกจับกุมในข้อหาสวมฮิญาบ ที่ “ไม่เหมาะสม”
ครอบครัวของอะมินียันว่าเธอถูกทุบตีจนตาย ในขณะที่ทางการอิหร่านอ้างว่าเธอเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย วิดีโอที่ เผยแพร่โดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแสดงให้เห็นว่าอะมินีทรุดตัวลงในล็อบบี้ของสถานีตำรวจขณะยืนอยู่คนเดียว
ผู้นำอิหร่านกล่าวว่า ผู้ชุมนุมประท้วงกลุ่มดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและอิสราเอล เพื่อบ่อนทำลายอิหร่าน นอกจากนี้ ชาติตะวันตกยังแสวงประโยชน์จากการชุมนุมประท้วงดังกล่าว โดยจะกดดันอิหร่านผ่านมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงหลายวันและหลายเมืองสูงถึง ๑๓๐ คน แล้ว
คาเมเนอีบอกกับบัณฑิตวิทยาลัยตำรวจในกรุงเตหะรานเมื่อวันจันทร์ว่า “ฉันพูดอย่างชัดแจ้งว่าการจลาจลและความไม่มั่นคงนี้เป็นการออกแบบโดยสหรัฐฯ และรัฐบาลไซออนิสต์จอมปลอม และผู้ที่ได้รับเงินจากพวกเขา”
อยาตอลเลาะห์ยังกล่าวโทษ“ชาวอิหร่านที่ทรยศในต่างประเทศ” อธิบายเพิ่มเติมว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรรู้สึกว่าอิหร่าน“กำลังก้าวหน้าไปสู่อำนาจเต็มรูปแบบ และพวกเขาไม่สามารถอดทนต่อสิ่งนี้ได้”
ในขณะที่นักการเมืองและนักข่าวในตะวันตกแสดงการสนับสนุนการประท้วง เตหะรานกล่าวหาว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง หลังจากการจับกุมพลเมืองยุโรป ๙คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากถูกกล่าวหาว่า ก่อจลาจลและวางแผน กระทรวงข่าวกรองของอิหร่านอ้างว่าการประท้วงส่วนใหญ่มีชาวต่างชาติและสมาชิกขององค์กรมูจาฮิดินฯ (Mojahedin-e-Khalq) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต่อต้านชาวอิหร่านที่ปฏิบัติการอยู่นอกแอลเบเนีย
แม้ว่าการอ้างสิทธิ์การมีส่วนร่วมของรัฐบาลเหล่านี้ไม่สามารถยืนยันได้ แต่การบริจาคเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติที่ได้รับการสนับสนุนจาก CIA ได้ให้ เงินสนับสนุนฝ่ายค้านในอิหร่านมาหลายปีแล้ว และขณะนี้กำลังส่งเสริมผู้รับทุนรายหนึ่งในฐานะแหล่งที่มาของการรายงานข่าวที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับการประท้วง
กระทรวงการคลังของสหรัฐ ขึ้นบัญชีดำสำนักงานตำรวจศีลธรรมอิหร่าน เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ “ต้องรับผิดชอบโดยตรง” ต่อการเสียชีวิตของอะมินี ด้านอิสราเอลยังไม่แสดงท่าที