หลังจากที่รัสเซียเริ่มยกระดับสงคราม ภายหลังการรวมตัวทั้ง 4 แคว้นสำเร็จอย่างเป็นทางการ ทำให้ยูเครนเริ่มชะล่าใจ และประมาทในเกมรบ ถึงแม้จะอ้างว่า เอาชนะรัสเซียได้ที่เมืองลีมานน์ และกำลังยึดคืนดินแดนได้อีกเรื่อย ๆ รวมทั้งย้อนไปก่อนหน้านี้ ที่ยูเครนสะใจว่าได้ตีแตกทัพรัสเซีย ให้หนีกระเจิงในเขตคาร์คีฟมาแล้ว นั่นเป็นชนวนที่ทำให้รัสเซียกลับมาวางแผนใหม่ โดยแผนครั้งนี้รัสเซียอาจจะบีบยูเครนให้สู้ไปเรื่อย ๆ จนหมดความสำคัญในสงคราม และดึงนาโต้เข้ามาร่วมเกมรบแทน ชนิดที่เลี่ยงไม่ได้
ส่วนสถานการณ์ฝั่งสหรัฐฯ มีรายงานผ่านถ้อยคำของ เดวิด เพเทรอัส อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐอเมริกา (CIA) เปิดเผยว่า สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรอาจเข้าทำลายกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียให้สิ้นซาก รวมถึงจะจมกองเรือทะเลดำให้หมด หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ในปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
เพเทรอัสเปิดเผยกับสำนักข่าว ABC News ว่า ตอนนี้ตัวเขายังไม่ได้พูดคุยกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ในประเด็นที่ว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้การใช้อาวุธนิวเคลียร์จากรัสเซียอย่างไร แต่ก็ได้ตั้งสมมติฐานขึ้นมาว่า “เรา (สหรัฐฯ) อาจจะตอบโต้โดยใช้กองกำลัง NATO กำจัดกองกำลังของรัสเซียทั้งหมดในยูเครนและในไครเมีย รวมถึงเรือทุกลำในทะเลดำ”
สำหรับประเด็นที่ว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียในยูเครนจะนำสหรัฐฯ และ NATO เข้าสู่สงครามหรือไม่นั้น เพเทรอัสกล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่นำไปสู่การใช้มาตรา 5 ซึ่งบัญญัติว่า การโจมตีสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่ง เท่ากับเป็นการโจมตีสมาชิกทุกประเทศ เพราะยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิก NATO แต่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรก็จะช่วยเหลือยูเครนตามสมควร
โดยขณะนี้ปูตินกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก หลังจากที่ยูเครนสามารถตีเมืองลีมานน์ กลับมาได้ โดยเมืองนี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ยูเครนจะใช้เป็นฐานที่มั่นเพื่อตีเอาภูมิภาคดอนบาสกลับคืน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่อยู่ในแคว้นโดเนตสก์ที่ปูตินเพิ่งประกาศผนวกรวมเข้ากับดินแดนของรัสเซีย ท่ามกลางภาพของประชาชนในรัสเซียที่หันมาต่อต้านการระดมพลในการสู้รบด้วย
อย่างไรก็ตาม น่าคิดตามในมุมที่ว่า สหรัฐฯวางแผนจะจัดการรัสเซีย แต่เอาเข้าจริงแล้ว รัสเซียกำลังเดินหน้าแผนดึงนาโต้ออกมารบแทน เท่ากับว่าคำกล่าวของสหรัฐฯอาจจะเป็นแค่คำขู่เท่านั้น เพราะถ้ามีการทำลายรัสเซียจริง ปูตินก็คงตอบโต้กลับอย่างหนักเช่นกัน ทำให้ถึงเวลานั้น ไบเดนอาจจะไม่กล้าเปิดศึกโดยตรง เพราะเท่ากับเข้าแผนรัสเซียเต็ม ๆ ที่ต้องการเปิดฉากกับนาโต้
