จากกรณีที่สภานิติบัญญัติของรัสเซียเริ่มต้นกระบวนการอนุมัติการผนวกรวมแคว้นลูฮันสก์ โดเนตสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เพิ่งลงนามสนธิสัญญาผนวกรวม 4 แคว้นดังกล่าวของยูเครน
ทั้งนี้สำนักข่าว TASS ของรัสเซียรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรของรัสเซีย หรือสภาดูมา (State Duma) มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการผนวกแคว้นของรัสเซียในวันจันทร์ ขณะที่วุฒิสภา หรือสภาสหพันธรัฐ (Federation Council) มีกำหนดจะจัดการประชุมเพื่อลงมติเรื่องนี้ในวันที่ 4 ตุลาคม และคาดว่ากระบวนการทางนิติบัญญัตินี้จะใช้เวลาเพียงประมาณ 2-3 วัน เนื่องจากปูตินและพันธมิตรควบคุมเสียงส่วนใหญ่ของทั้งสองสภา
กระบวนการผนวกรวมแคว้นทั้ง 4 ของยูเครนมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครน ทางด้านกองทัพยูเครนเร่งให้ตนเองกลับมาเป็นฝ่ายเดินหน้ารุกคืบยึดคืนเมืองต่าง ๆ ที่รัสเซียเข้าควบคุมก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าเป็นเมืองใด หรือหมู่บ้านใดบ้าง จึงทำให้รัสเซียอาศัยจังหวะที่ยูเครนทวงดินแดนคืน เข้าโจมตีจุดอื่น ๆ แทน ทั้งคลังแสง รถถัง ยานเกราะ และกำลังพุ่งเป้าทำลาย M777 ด้วย
โดยในเพจเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม ได้เปิดเผยสถานการณ์ในสมรภูมิรบที่กำลังดุเดือด ตอนนี้ว่า รัสเซียเครม M777 อีก 2 ตัว กองกำลังยูเครน ยังคงรักษามาตรฐานความสูญเสียได้ดีอย่างต่อเนื่อง ปืนใหญ่ของรัสเซียได้ทำลาย M777 อีก 2 ระบบออกจากสนามรบใกล้กับนิคม Preobrazhenka การโจมตีทำลายได้ 1 ตัว ขณะที่อีกตัวได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
ปืนครก M777 มีอัตราการยิงสูงสุดเจ็ดนัดต่อนาที ในระยะ 40 กิโลเมตร สามารถอัพเกรดความเเม่นยำได้ด้วยกระสุน Excalibur นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซียในยูเครน AFU ได้รับปืนใหญ่กว่า 200 กระบอกจากตะวันตก แม้จะมีการสนับสนุน แต่ยูเครนก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจยิงที่ด้อยกว่าปืนใหญ่รัสเซีย
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า พลทหารยูเครนบางส่วน ถูกเกณฑ์ไปฝึกใช้อาวุธ ทำให้ทหารประจำด่านหน้าเริ่มอ่อนกำลัง เพราะต้องรับมือกับศึกหลายด้าน แม้จะยังยื้อทัพรัสเซียไหว แต่หากยังไม่มีกำลังพลเข้ามาเพิ่ม ก็อาจจะสร้างความเสียหายหนักให้ยูเครนอีกครั้งได้
