หลังจากที่กองกำลังยูเครนสามารถทำลายฝ่าแนวป้องกันของรัสเซียในทางภาคใต้ของประเทศเข้ามาได้ ทำให้การรบมีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ยกระดับรุกคืบอย่างรวดเร็วในภาคตะวันออก ทวงคืนดินแดนเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มอสโกผนวกไปไม่นาน
ยูเครนได้อ้างว่า ฝ่ายของตนทำให้เส้นทางการลำเลียงอาวุธและเสบียงของทหารรัสเซียตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม แต่ในอีกมุมหนึ่งกลับมีความเห็นที่มองว่า รัสเซียยอมถอยเพื่อชัยชนะ และมีแผนสำคัญที่จะวางให้นาโต้ออกมารบแทนยูเครน เพราะรัสเซียเลือกที่จะมองข้ามการรบกับยูเครนไปพักใหญ่แล้ว แต่ต้องการท้าให้นาโต้ออกมารับผิดชอบต่อศึกครั้งนี้มากกว่า
ล่าสุดผู้นำสาธารณรัฐเชเชนในรัสเซีย ได้ประกาศว่าลูกชายวัยรุ่น 3 คนของเขา ซึ่งมีอายุเพียง 14-16 ปี เตรียมไปช่วยรัสเซียรบในยูเครน เพื่อปกป้องครอบครัวและบ้านเกิด โดยนายรัมซาน คาดีรอฟ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเชเชน หนึ่งในเขตปกครองในรัสเซีย ประกาศในวันจันทร์ที่ 3 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมาว่า อีกไม่นานลูกชายอายุ 14, 15 และ 16 ปี ของเขา จะเดินทางไปยูเครนเพื่อช่วยกองทัพรัสเซียรบในแนวหน้า
นายคาดีรอฟเปิดเผยเรื่องดังกล่าวผ่านโพสต์บนแอปพลิเคชัน เทเลแกรม โดยระบุว่า ผู้เป็นพ่อควรสอนวิธีปกป้องครอบครัวผู้คน และปิตุภูมิแก่ลูกชาย ซึ่งลูกชายทั้ง 3 คน ของเขาเริ่มฝึกฝนทางทหารมาตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กมากกว่านี้ และถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะได้ไปมีประสบการณ์การต่อสู้จริง โพสต์ของนายคาดีรอฟยังแนบคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นภาพลูกชายของเขา ฝึกยิงอาวุธปืนหลากหลายชนิดในลานฝึกด้วย
ทั้งนี้ สาธารณรัฐเชเชนต่อสู้เพื่อแยกตัวเป็นอิสระจากรัสเซียมานานนับทศวรรษ จนกระทั้งนายคาดีรอฟ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ขึ้นมาเป็นผู้ปกครองในปี 2550 หลังนายปูตินแต่งตั้งเขาเป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐแห่งนี้ และทำให้สถานการณ์ในเชเชนมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะหลัง แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าปกครองด้วยการกดขี่ แต่เขาก็ยังยืนหยัด เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการทำสงครามในยูเครนของปูติน และส่งกองทัพของเชเชนไปร่วมรบด้วยตั้งแต่แรกเริ่ม แต่กองทัพเชเชนในยูเครนกลับถูกหลายฝ่ายครหาว่า มุ่งเน้นแต่การอัปโหลดคลิปวิดีโอลงโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ไปร่วมการต่อสู้ในแนวหน้า ขณะที่นายคาดีรอฟก็ถูกกล่าวหาว่า สนับสนุนสงครามเพราะไม่มีบุคคลอันเป็นที่รักไปร่วมการต่อสู้ด้วย แต่ครั้งนี้เขาประกาศก้องว่า แม้ลูกชายของเขาจะอายุน้อย แต่มีฝีมือการรบ และภารกิจครั้งนี้ยังได้ปกป้องชาติ บ้านเมือง แผ่นดินเกิดอีกด้วย