จากที่ผู้นำรัสเซียได้ลงนามรองรับ4แคว้นที่ทำประชามติแยกเอกราชออกมาจากยูเครนแล้ว ซึ่งขณะเดียวกันมีภาพเผยแพร่ออกมาเป็นที่วิจารณ์เป็นอย่างมากว่าเป็นการกระทำของฝ่ายยูเครนต่อประชาชนที่ขอย้ายไปอยู่ดินแดนรัสเซียนั้น
ต่อมาวันที่ 03 ตุลาคม 2565 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากเกี่ยวกับภาพที่เผยแพร่กันอยู่ว่า
“ภาพนี้บาดตาบาดใจมากครับ เซเลนสกีเคยบอกว่าใครอยากจะไปอยู่กับรัสเซียก็เชิญไป จึงมีชาวยูเครนจำนวนมากขับรถไปอยู่ฝั่งดอนบัสกับรัสเซีย แต่กองทัพเซเลนสกีกลับยิงปืนใหญ่ถล่มรถที่กำลังเดินทางไปดอนบัส สังหารประชาชนยูเครนที่กำลังเดินทางไปอยู่ฝั่งรัสเซีย”
นอกจากนี้ ดร.ปฐมพงษ์ ยังเปิดเผยถึงกรณีที่มีบุคคลสำคัญออกมาเรียกร้องให้รัสเซียยุติสงคราม ซึ่งมีเนื้อหาที่ชวนติดตามว่า “สมเด็จพระสันตปาปาเรียกร้องให้วลาดิเมียร์ ปูตินยุติสงครามที่ยูเครนเสีย ดูข่าวนี้แล้ว ท่านทั้งหลายนึกถึงอะไรครับ?
๑.สมัยศตวรรษที่ ๑๙ เมื่อชาวยุโรปล่าเมืองขึ้น หนึ่งในเหตุผลที่พวกนี้ใช้ก็คือประเทศอื่นๆ ไม่นับถือพระเจ้า จึงจะขอนำพระเจ้าไปให้ พอไปถึงลังกา ก็หาทางทำลายพระพุทธศาสนาเพื่อเอาศาสนาคริสต์ไปแทน
๒.ท่านสมเด็จพระสันตปาปากลับไม่ทำอะไรเลยกับปัญหาความขัดแย้งในโลกที่มีอยู่มากมายในขณะนี้ -ไม่เรียกร้องให้อิสราเอลเลิกรุกรานชาวปาเลสไตน์
-ไม่เรียกร้องให้อิสราเอลเลิกก่อการร้ายประเทศเลบานอน ซีเรียและอิหร่าน -ไม่เรียกร้องให้อเมริกาเลิกปล้นน้ำมันในซีเรีย -ไม่เรียกร้องให้อเมริกาเลิกส่งทหารไปรุกรานอิรัก
-ไม่เรียกร้องให้อเมริกาเลิกใช้นาโต้เป็นเครื่องมือรุกรานนานาประเทศเพื่อประโยชน์ของตนเอง -ไม่เรียกร้องให้อเมริกาเลิกส่งกองทหารนาโต้ไปป่วนลิเบีย
-ไม่เรียกร้องให้อเมริกาเลิกสนับสนุนซาอุฯ รุกรานเยเมน -ไม่เรียกร้องให้อเมริกาเลิกบ่อนทำลายประเทศอื่นเพื่อแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติเสีย แต่กลับวิจารณ์วลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียแต่เพียงผู้เดียว
ถ้าจะเรียกร้องก็ควรเรียกร้องให้เหมือนๆ กัน ท่านออกมาตำหนิเฉพาะรัสเซียแบบนี้ คนทั่วไปจะมองว่าท่านเป็นเครื่องมือของอเมริกาและนาโต้เอาได้ เหมือนสมัยศตวรรษที่ ๑๙ ที่ศาสนาเป็นเครื่องมือประเทศนักล่าอาณานิคมนั่นแหละครับ”