การเมืองแทรก”รถไฟฟ้าสายสีส้ม” เป็นเหตุให้รัฐต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ ๔.๖ หมื่นล้านบาท ไม่รวมที่จ่อเสียประโยชน์ ๖.๘ หมื่นล้านเพราะเปิดประมูลใหม่รฟม.ต้องจ่ายผู้ได้รับคัดเลือกแพงกว่ารอบแรก เรื่องนี้ ดร.สามารถฯ ย้ำ สายสีส้มช่วงตะวันออกเสร็จแล้วเกือบ ๑๐๐% ต้องค้างเติ่งรออีก ๒ ปี เหตุล้มประมูลรอบแรก – ผูกงานโยธาช่วงตะวันตก-และการเดินรถไว้ด้วยกัน ทำให้ต้องเลื่อนไปเปิดปี ๒๕๖๘
ในที่สุดก็ค้างเติ่งสำหรับรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ระยะทาง ๒๒.๕ กิโลเมตรของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) แม้การก่อสร้างจะแล้วเสร็จเกือบ ๑๐๐% แต่การเปิดให้บริการเดินรถที่ประชาชนใจจดใจจ่อรอคอยต้องทอดเวลาออกไปไม่ต่ำกว่าสองปี ส่งผลกระทบต่อการเดินทาง รวมไปถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ตลอดแนวที่กำลังเปิดขาย
การดำเนินงานโดยมัดรวมงานโยธาส้มตะวันตก-เดินรถทั้งระบบ ทำให้ล่าช้าเนื่องจากต้องรอผู้ชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกและการให้บริการเดินรถทั้งระบบ ตาม มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ปี๒๕๖๓ เห็นชอบให้ รฟม. ลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์- มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ระยะทางรวม๓๕.๙ กิโลเมตร มูลค่า ๑.๔๒ แสนล้านบาท
ทั้งการก่อสร้างในส่วนตะวันตก ๖ ปี และมัดรวมส่วนเดินรถฝั่งตะวันตก-ฝั่งตะวันออกเข้าด้วยกันเป็นสัญญาเดียวรวมระยะเวลาสัมปทาน ๓๐ ปี โดยให้เริ่มนับหนึ่งการให้บริการเดินรถปี ๒๕๖๖ ในส่วนของสายสีส้มตะวันออกที่จะแล้วเสร็จตามแผน หลังได้ลงมือตอกเข็มตั้งแต่ปี ๒๕๖๑
นอกจากนี้ การล้มประมูลชนวนเสียโอกาส เป็นชนวนเหตุที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนทางรางล่าช้า ประเทศสูญเสียความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เป็นเพราะรฟม.สั่งล้มประมูล รถไฟฟ้า สายสีส้มตะวันตก กลางคัน วันที่๓ ก.พ.๒๕๖๔
ประเมินว่าอาจต้องการปลดเปลื้องพันธนาการให้หลุดพ้นจากคดีที่อยู่ในศาลปกครอง กรณีปมแก้ไขเกณฑ์ประมูลที่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด(มหาชน) หรือ บีทีเอสซี หนึ่งในผู้แข่งขันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง และขอคุ้มครองการประมูลชั่วคราว
ส่งผลกระทบต่อการเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มต้องลากยาวออกไป และแม้ว่าการประมูลรอบสองจะได้ตัวเอกชนผู้ชนะประมูล แต่หลายฝ่ายเกิดแคลงใจสงสัยว่าเหตุใดรฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๖ แห่ง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.๒๕๖๒ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ต้องมุ่งมั่นกับการแก้ไขเกณฑ์ทีโออาร์และเพิ่มสเปกให้กับผู้เข้าแข่งขัน ขณะตามข้อเท็จจริงเอกชนส่วนใหญ่ต่างมีทักษะขีดความสามารถสูงเป็นทุนอยู่แล้ว
สำหรับความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สะท้อนว่าหากรฟม.ไม่ล้มประมูลในรอบแรก เชื่อว่า การเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันออก จะเป็นไปตามแผนเดินรถในปี ๒๕๖๖
นอกจากนี้รัฐยังเสียประโยชน์น้อยที่สุด สะท้อนจาก การเปิดข้อมูลการยื่นข้อเสนอของการประมูลรอบแรก บีทีเอสซี เป็นฝ่ายให้ข้อเสนอขอรับสนับสนุนเงินค่าก่อสร้างจากรัฐ เพียง ๙,๖๐๐ ล้านบาทซึ่งต่ำกว่าราคากลางกว่าหมื่นล้านบาท ขณะผลการประมูลรอบสอง ผู้ชนะให้ข้อเสนอขอรับเงินสนับสนุนเงินก่อสร้าง ๗.๘ หมื่นล้านบาท
เมื่อนำมาบวกลบ จะมีส่วนต่างมากถึง๖.๘ หมื่นล้านบาท ที่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ ขณะการสูญเสียทางเศรษฐกิจ จากกรณีเลื่อนการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม
๑.เสียเวลาการเดินทางเสียโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ
๒.เกิดการเผาผลาญพลังงานน้ำมันทิ้งอย่างน่าเสียดาย
๓.ลดปัญหามลพิษช้าลงฯลฯ
สอดคล้องกับการคำนวณมูลค่า ความสูญเสียทางเศรษฐกิจต่อปี ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมิน จะสูงถึง ๔.๖ หมื่นล้านบาทต่อปี รวม ๒ ปี อยู่ที่๙.๒ หมื่นล้านบาทเมื่อนำ ตัวเลข ๙.๒ หมื่นล้านบาทนำมารวมกับมูลค่าที่รัฐเสียประโยชน์ ที่ ๖.๘ หมื่นล้านบาทจะอยู่ที่ ๑.๖ แสนล้านบาทถือเป็นตัวเลขที่สูงไม่น้อยนับตั้งแต่มีการลงทุนโครงการรถไฟฟ้า ทั้งนี้นายสามารถยังระบุว่า ทุกฝ่ายสามารถทักท้วงได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา เพราะยังมีขั้นตอนอีกมากต้องผ่านคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (บอร์ดรฟม.) ,กระทรวงคมนาคมและด่านสุดท้ายคือครม.
หากไม่มีคลื่นแทรกทางการเมืองเชื่อว่าปีหน้าประชาชนคนไทยคงได้นั่งรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกกันแล้ว !!!??