จากที่เพจเฟซบุ๊ก Around the World โพสต์ข้อความ ที่มีรายงานจากเมโทร สื่ออังกฤษ ระบุอ้างถึงตามคำสั่งใหม่ที่ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่สำนักข่าวทาซ (TASS) ของรัสเซีย
ทั้งนี้โดยสื่อดังกล่าว ระบุว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้ลงนามเรียบร้อยแล้วเรียกเกณฑ์ทหารเพิ่มชายชาวรัสเซียอายุระหว่าง 18-27 ปี ระหว่างที่กำลังศึกษาระดับสูง ในคำประกาศระบุว่า เป็นการเกณฑ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามยูเครน โดยการเกณฑ์กำลังทหารครั้งนี้ มียอดเพิ่มอีก 120,000 นาย
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เมโทรระบุว่า เป็นที่บังเอิญว่าคำสั่งเรียกกำลังพลเพิ่มนี้ ตรงกับการเคลื่อนกำลังพลบางส่วน สำหรับสงครามขั้นถัดไปของยูเครนซึ่งจะเห็นกำลังทหารรัสเซียอีก 300,000 นายถูกส่งสู่แนวหน้าบนสมรภูมิรบ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 03 ตุลาคม 2565 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Blockdit เกี่ยวกับการเกณฑ์กำลังพลออกไปสู้รบ โดยเฉพาะการบุกด้วยกำลังเสริมของรัสเซีย ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการโพสต์ข้อความพร้อมวีดีโอคลิปต่อเนื่องกันดังนี้
“อเมริกาจัดการรับสมัครคนเป็นทหารได้ต่ำกว่าเป้าถึง ๒๕% แต่สื่อกระแสหลักของอเมริกาไม่ทำข่าวว่าเหตุใดคนอเมริกันยุคนี้ถึงไม่อยากเป็นทหาร กลับมาตีข่าวกันอุตลุดว่าประชาชนรัสเซียหนีรัสเซียเพราะไม่อยากเกณฑ์ทหาร
ในความเป็นจริง คนมาเกณฑ์ทหารในรัสเซียทะลุเป้า ๓ แสนคนตั้งนานแล้ว แถมยังมีคนสมัครเข้ามาเรื่อยๆ ชาวรัสเซียที่หนีรัสเซีย ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเครือข่ายสงครามพันทางที่รับทุนอเมริกาเป็นท่อน้ำเลี้ยงมากกว่า คนพวกนี้จะสนับสนุนนาโต้ให้รุกรานประเทศอื่นเป็นประจำแต่ต่อต้านการส่งทหารเข้ายูเครนเพื่อช่วยเหลือชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียของรัฐบาลรัสเซีย”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศยอมรับถึงความผิดพลาดและทุกการตั้งคำถาม หลังจากที่เขาประกาศระดมพลทหารกองหนุนจำนวน 300,000 นายเมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา จนทำให้มีชาวรัสเซียไม่ต่ำกว่า 200,000 คน เดินทางออกนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง
ประธานาธิบดีปูตินระบุว่า ทุกการตั้งคำถามและความผิดพลาดทั้งหมด ต้องได้รับการแก้ไข เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น คุณสมบัติการเกณฑ์ทหารที่อาจพิจารณายกเว้นให้กับชายที่มีสถานะเป็นพ่อของลูกหลายคน, บุคคลที่มีอาการป่วยเรื้อรัง รวมทั้งผู้ที่มีอายุเกินเกณฑ์ทหาร
ท่าทีของประธานาธิบดีปูตินในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการยอมรับความผิดพลาดครั้งแรกของรัฐบาลรัสเซีย เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 กันยายน โฆษกรัฐบาลรัสเซียออกมายอมรับว่า เกิดข้อผิดพลาดบางอย่างจากการระดมพล และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข