หลังจากที่ทางยูเครนออกมาประกาศชัย ว่า “กองทัพยูเครน” ยึดเมืองลีมานน์คืนจากรัสเซีย ซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญทางตะวันออกของประเทศ ขณะที่พันธมิตรของรัสเซียชี้ชัดว่า ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ จะจี้จุดให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อาจเตรียมใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่มีการทำลายต่ำก่อนเป็นครั้งแรก
และคาดว่าหลังจากนี้ ปูตินจะหมายตาในพื้นที่ลีมานน์ เพื่อเอาคืนอย่างสาสม รวมทั้งกองทัพรัสเซียได้รายงานว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2565 กองทัพรัสเซียได้สังหารทหารยูเครนได้ 700 กว่าคนขึ้นไป ทำลายรถถัง 12 คัน ทำลาย รถ APC มากกว่า 20 คัน ทำลายแท่นยิงขีปนาวุธหลายลำ กล่อง 2 ชุดและยิงเครื่องบิน Mig-29 ของยูเครนตก 1 เครื่อง
โดยบรรดากูรูด้านสงคราม ต่างมองว่า รัสเซียกำลังเพิ่มดีกรีเดือดในสงครามให้หนักหน่วงขึ้น เพื่อเผด็จศึกยูเครนให้จบในเร็ววัน ซึ่งทางฝั่งสหรัฐฯ ก็มีความตั้งใจจะให้เงินสนับสนุนช่วยเหลือยูเครน 1,500 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ตลอดการทำสงครามกับรัสเซีย และกำลังผลักดันให้บรรดาพันธมิตรยุโรปทั้งหลายดำเนินการแบบเดียวกัน เพื่อยื้อสงครามยูเครนให้ยืดยาวออกไป
ทั้งนี้มีรายงานว่า รัฐบาลของไบเดน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งลงนามในเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า 4,500 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมตลอดทั้งปี ได้เปิดฉากพูดคุยกับบรรดาเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปไปแล้วในประเด็นนี้ ในนั้นรวมถึงไม่กี่วันที่ผ่านมา และได้เร่งเร้าให้ยุโรปดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ในการสนับสนุนยูเครน แหล่งข่าวซึ่งไม่เปิดเผยนามกล่าวอ้าง
ด้วยที่อียูมีความแตกแยกกันภายในเกี่ยวกับคำสัญญามอบความช่วยเหลือที่ผ่านมา ดังนั้นพันธมิตรจึงมีการพูดคุยหารือกันเกี่ยวกับกลไกปกติหนึ่งที่จะสามารถช่วยพยุงให้เศรษฐกิจของยูเครนอยู่รอดท่ามกลางสงครามที่ลากยาว แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุ ส่วนอีกคนเสริมว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เชื่อว่าจะมีเสียงเรียกร้องหนักหน่วงขึ้นในสภาคองเกรสสหรัฐฯ สำหรับขอให้หมู่มวลพันธมิตรช่วยแบ่งเบาภาระมากกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เคยระบุว่ายูเครนต้องการเงินราว ๆ 5,000 ล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือน เพื่อสำรองการบริการต่าง ๆ ที่จำเป็นและพยุงเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ขณะที่เซอร์ฮีย์ มาร์เชนโก รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เผยว่าประเทศของเขาได้รับเงินช่วยเหลือเพียงราว ๆ 2,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนที่แล้ว ลดลงจากระดับ 4,700 ล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในเดือนกรกฎาคม ว่ามีพันธมิตรจำนวนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์อียูอย่างลับ ๆ ต่อกรณีไม่ทำตามคำสัญญามอบเงินช่วยเหลือเกือบ 9,000 ล้านยูโร และเรียกร้องอียูในช่วงเวลานั้นให้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมซัมมิตหนึ่งในสาธารณรัฐเช็กในสัปดาห์นี้ คาดหมายว่าบรรดาผู้นำอียูจะพูดคุยหาอกันเกี่ยวกับความจำเป็นทางการเงินของเคียฟ ซึ่งในร่างงบประมาณปี 2023 กำหนดกรอบไว้ที่ 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บรรดาผู้แทนทูตที่เตรียมการการประชุมของพวกผู้นำ ให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คาดหมายว่าเงินช่วยเหลือจากบรรดาชาติยุโรปน่าจะอยู่ในระดับเดียวกับที่สหรัฐฯ ตั้งใจมอบใหม่ คือราวๆ 1,500 ล้านดอลลาร์ แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุ พร้อมเผยว่าเงินทุนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มีความจำเป็น เช่น รายจ่ายสาธารณะพื้นฐาน การศึกษา สถานพยาบาล และเครือข่ายไฟฟ้าของยูเครน
นอกจากแพ็กเกจช่วยเหลือดังกล่าว อียูได้สนับสนุนยูเครนด้วยการให้กู้ยืมเงิน 1,200 ล้านยูโรในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เช่นเดียวกับอีกหลายพันล้านยูโร สำหรับจ่ายค่าส่งมอบอาวุธและปฏิรูประยะยาว ขณะเดียวกัน ทางกลุ่มยังมีเป้าหมายพูดคุยกันเกี่ยวกับการฟื้นฟูบูรณะยูเครนหลังเสร็จศึกสงคราม แต่เจ้าหน้าที่เน้นน้ำว่าควรเดินหน้าให้ความสำคัญกับความต้องการของยูเครนในปัจจุบันทันด่วนนี้มากกว่า ดังนั้นการช่วยเหลือของประเทศพันธมิตรยูเครน ไม่ต่างอะไรจากการบีบให้ยูเครนสู้ต่อ ทั้ง ๆ ที่พอจะรู้ผลว่า สุดท้ายจะเป็นเช่นไร