เมกา-นาโต้แพ้ยับ!? ปูตินอำนาจเต็มกำหนดเกมสมรภูมิรบ สีลุยขยี้ซ้ำสงครามเศรษฐกิจ ข่มศัตรูจมดิน

0

ในที่สุดการรวม ๔ แคว้นให้กลับสู่อ้อมอกแผ่นดินแม่ก็สำเร็จอย่างราบรื่น แม้สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกจะปฏิเสธ แต่ เสียงอันเป็นเอกฉันท์เกือบ ๑๐๐%ของผู้คนนับล้านๆ ย่อมเป็นเงื่อนไขและข้ออ้างที่มีน้ำหนัก สร้างความชอบธรรมรองรับเป็นพื้นฐานอยู่มิใช่น้อย สำหรับ “ประเทศนิวเคลียร์” อย่างรัสเซีย ในอันที่จะปกป้อง พิทักษ์ดินแดนและประชากรที่กลายมาเป็นชาวรัสเซียไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เว้นอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์อีกด้วย 

จังหวะก้าวนี้การปะทะกันทางการเมืองและการทหารระหว่างสหรัฐ-นาโต้ที่ใช้ยูเครนเป็นสนามรบตัวแทน ชัดแล้วว่าพ่ายแพ้ต่อรัสเซียหลุดลุ่ย ไม่ว่าอย่างไรวันนี้รัสเซียได้ผนวกดินแดนอดีตสหภาพโซเวียตกลับเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้วมีเนื้อที่กว่า ๙,๐๐๐ ตารางกิโลเมตรซึ่งยาวและกว้างใหญ่เกือบพอๆกับประเทศหนึ่งที่เดียว รัสเซียจะต้องใช้ทั้งกำลังพลและอาวุธจำนวนมากเพื่อรักษาดินแดนส่วนนี้ซึ่งกำลังขับเคี่ยวสู้รบกับ กองกำลังผสมของเคียฟและนาโต้

การดิ้นรนของเคียฟเพื่อพยายามตีเอา ๔ แคว้นคืนในภาพรวมดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ การรวมกำลังทหารเพื่อบุกยึดลิมานก็เป็นเพียงเมืองชายขอบ ที่สร้างขวัญกำลังใจชั่วคราวให้ฝ่ายยูเครนและนาโต้มีข้ออ้างที่จะทุ่มทุนสร้างให้รบกับรัสเซียต่อไป เพราะเมื่อใดมีการประทับตรารับรองจากสภาเมื่อนั่นแผ่นดินที่กองกำลังผสมของเคียฟมาอยู่นั่นคือแผ่นดินรัสเซีย กองกำลังเหล่านั้นจะมีฐานะเป็นกลุ่มก่อการร้ายทันที การลงโทษแบบโหดจัดรัสเซียจะได้เห็น

วันที่ ๓ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิก รายงานว่า ปธน.วลาดิเมียร์ปูตินแห่งรัสเซีย เสนอร่างกฎหมายเพิ่มเขตใหม่ของรัสเซียต่อรัฐสภา และฝ่ายนิติบัญญัติคาดว่าจะลงคะแนนในเอกสารวันจันทร์นี้

ปูตินยังได้มอบอำนาจพิเศษให้กับรัฐมนตรีต่างประเทศเซอร์เก ลาฟรอฟ (Sergey Lavrov) และเอฟเกนี อีวานอฟ (Evgeny Ivanov) รองผู้ว่าการด้วยอำนาจพิเศษในช่วงระยะเวลาของการภาคยานุวัติของดินแดนใหม่ เจ้าหน้าที่ทั้งสองได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตพิเศษของประธานาธิบดีต่อรัฐสภาของประเทศในช่วงเวลานี้ ตามคำสั่งของประธานาธิบดีฉบับใหม่

ในขณะที่สงครามสู้รบเดือดระอุ จีนมหามิตรของรัสเซียได้สวมบทโหดขยี้ดอลลาร์ให้สงครามเศรษฐกิจ สั่งสถาบันการเงินของรัฐทั้งหมด ให้เตรียมเทขายดอลลาร์ที่ถือครองอยู่ พร้อมทั้งให้ทำการกักตุนสำรองเงินหยวนนอกประเทศจีนไว้ให้มากที่สุด หลังจากลดดอกเบี้ยนโยบายสวนทางตะวันตก ทุ่มงบฯอุ้มเอสเอ็มอีและภาคธุรกิจก้อนใหญ่

ในสมรภูมิสู้รบ อาวุธของรัสเซียยังคงเป็นที่เกรงขามและจะเป็นตัวชี้ขาดชัยชนะ นี่อาจเป็นเหตุให้สหรัฐและนาโต้รีบปฏิเสธไม่ยอมรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก ทำให้เซเลนสกี้หน้าแตกส่อถูกเททางยุทธศาสตร์ ส่งสัญญาณว่าเมกานาโต้ยังไม่พร้อมชนกับรัสเซียโดยตรง และไม่อยากเห็นบ้องข้าวหลามยักษ์ของรัสเซียเยือนวอชิงตัน-ลอนดอน

รัสเซียและจีนเป็นประเทศแรกที่มีและใช้ระบบอาวุธความเร็วเหนือเสียงเชิงยุทธศาสตร์ โดยมอสโกว์ได้นำขีปนาวุธ Kinzhal ซึ่งแปลว่ากริชหรือ’Dagger’ในภาษาอังกฤษไปใช้งานในปลายปี ๒๐๑๗ และนำมาใช้หลายครั้งในสมรภูมิยูเครนอย่างได้ผล ด้านกองทัพปลดแอกประชาชนได้เปิดตัวยานพาหนะร่อนแบบไฮเปอร์โซนิกดีเอฟ-ซีเอฟ (DF-ZF) ในปี ๒๐๑๙  และนำมาเปิดเผยล่าสุดในงานฉลองวันก่อตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ด้านสหรัฐฯโชว์ว่าทดลองใช้ได้แล้วแต่คาดว่าจะส่งมอบอาวุธความเร็วเหนือเสียงชุดแรกได้ภายในปี ๒๐๒๓

เลอ ฟิกาโร แห่งสื่อหนังสือพิมพ์กอลลิสฝรั่งเศส ระบุว่าระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงของรัสเซียนั้นล้ำหน้ากว่าขีปนาวุธอื่นใดของกลุ่มพันธมิตรแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้

สื่อฝรั่งเศสระบุว่าอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงของรัสเซียเป็นทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์หลัก สามารถบินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อและการหลบหลีกในขณะบิน มันชี้ไปที่ยานเกราะร่อนไฮเปอร์โซนิกของอะแวงการ์ด (Avangard) โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นอาวุธที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการบรรทุกยานบินเข้าเป้าหมายอิสระ (MIRV) หลายลำ บนขีปนาวุธข้ามทวีปของรัสเซีย คือยิงทีเดียวพร้อมกันหลายลูกหลายเป้าหมายอย่างแม่นยำ

“ในพื้นที่เฉพาะนี้ รัสเซียนำหน้าคู่ต่อสู้ของ NATO ไปหนึ่งก้าว” รัสเซียและจีนได้ดำเนินการพัฒนาขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเพื่อตอบโต้NATO ที่พยายามสร้างเกราะป้องกันขีปนาวุธ ซึ่งทั้งจีนและรัสเซียทำสำเร็จแล้วและสามารถเจาะทะลุเกราะป้องกันของสหรัฐฯได้อย่างง่ายดาย จึงกล่าประกาศว่าเป็นไฮเปอร์โซนิกที่ยังไม่มีระบบใดในโลกต้านทาน

อิกอร์ เดลาโน รองผู้อำนวยการหอสังเกตการณ์ฟรังโก-รัสเซีย ในกรุงมอสโก กล่าวว่า “รัสเซียมีอาวุธที่ทันสมัยกว่ากลุ่มประเทศ NATO อย่างไม่ต้องสงสัย สหรัฐฯ ล้าหลังในด้านขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก และคลังอาวุธนิวเคลียร์ของมอสโกก็ถูกเติมเต็มด้วยขีปนาวุธที่ทรงพลังและทำลายล้างมากขึ้น” 

ผลสำรวจล่าสุดของมหาวิทยาลัยควินนิแพคโพล “Quinnipiac University Poll” ของสหรัฐฯ ให้ข้อสรุปไว้ชัดเจน ว่าบรรดามะกันชนไม่น้อยกว่า ๖๗ เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ต่างคิดเห็นไปในแนวเดียวกันว่าประชาธิปไตยอเมริกากำลัง “ล่มสลาย” ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล!!!  ทหารอเมริกันขาดขวัญกำลังใจ เสียชีวิตด้วยการปลิดชีพตนเองมากขึ้น รับสมัครทหารเพิ่มก็หลุดเป้า สังคมในประเทศแหลกเหลว ปล้นสะดมภ์รายวัน แม้แต่ตลาดหุ้นก็ดิ่งระเนระนาด ภายใต้สภาพเช่นนี้แทบไม่มีโอกาสรับมือกับสงครามโหดใดๆได้เลย มีแต่ต้องรอรับสภาพ “ความพ่ายแพ้” ในวันใดวันหนึ่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง???