ชาวเยอรมันเดือดจัด! เอาคืน ปลุกปชช.ลงถนน เรียกร้องคว่ำบาตรสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุก่อวินาศกรรมท่อก๊าซ 

0

ชาวเยอรมันเดือดจัด! เอาคืน ปลุกปชช.ลงถนน เรียกร้องคว่ำบาตรสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุก่อวินาศกรรมท่อก๊าซ

จากกรณีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 มีรายงานว่า สหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน CDU/CSU ประสบความพ่ายแพ้ใน Bundestag ด้วยข้อเสนอเพื่อเพิ่มการสนับสนุนทางทหารสำหรับยูเครน ในการลงคะแนนเสียงรอบเรียก ส.ส. 179 คนโหวตเห็นด้วยข้อเสนอนี้ มีผู้คัดค้าน 476 คนและงดออกเสียง 1 คน

ต่อมาทาง Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่เยอรมนี บัลแกเรีย เทยูเครน งดส่งอาวุธ โดยอ้างอิงจาก The independent ระบุเนื้อหาบางส่วนว่า

การที่สหรัฐ อังกฤษ นำกองเรือรบและชาติ NATO ใช้โดรนทะเลไร้คนขับระบบใหม่ ทดสอบ “เทคโนโลยีการทำลายทุ่นระเบิดใต้น้ำ” จะต้องได้รับคำยินยอมแจ้งล่วงหน้าให้เดนมาร์กทราบเสียก่อน ยานใต้น้ำใดที่จะไปก่อวินาศกรรมท่อเซ็นเซอร์ใต้น้ำเดนมาร์ก จะตรวจพบและพิสูจน์ทราบได้เป็นชาติแรกว่ายานใต้น้ำที่เซ็นเซอร์ถี่ยิบตรวจจับได้นั้นเป็นของใคร ดังนั้นหลังเกิดเหตุทางรัฐบาลเดนมาร์กจึงออกมาแถลงทันทีว่าเป็น “การก่อวินาศกรรม” โดยไม่กล้าระบุชื่อชาติเจ้าของโดรนทะเลนั้น

Supply ก๊าซเหลว LNG และน้ำมัน รัสเซียที่ส่งมอบกับทุกชาติในยุโรปทางเรือในทะเลบอลติก ต่อไปแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะความไม่ไว้วางใจต่อกัน ชาติในยุโรป 41 ชาติ จะรุมชี้นิ้วมาที่เดนมาร์กที่ทำเพื่อนๆ เดือดร้อน เผือกร้อนนี้เดนมาร์กอึดอัดมาก และเสียหน้าที่ปล่อยให้มีเหตุก่อวินาศกรรมในเขตตนเอง ชาวยุโรปชาติแรกที่มีปฏิกริยามากที่สุดในตอนนี้คือ “ชาวเยอรมนี” พวกเขาโกรธและไม่พอใจมาก

เพราะก๊าซรัสเซีย 50% ตลอด 5 ทศวรรษผ่านมา ช่วยทำให้เยอรมนีมีวันนี้ได้ การก่อวินาศกรรมแบบนี้ในความรู้สึกชาวเยอรมันคือการแกล้งพวกตน ความโกรธเคืองหลังเกิดเหตุจึงเกิดกระแสเรียกร้อง “คว่ำบาตรสหรัฐ” ดังกระหึ่มในสังคมเยอรมนี และดังขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลาเป็นปรากฎการณ์ที่เปราะบางที่สามารถถูกกระตุ้นจากฝ่ายค้านพรรค AfD ให้ลงสู่ท้องถนนได้โดยง่าย ในเยอรมนีนั้นแม้มีกังหันลมผลิตไฟฟ้ามากก็ตามแต่เมื่อใช้งานไปนานๆ มันก็พากันชำรุดและหยุดหมุนไปแล้วจำนวนมากเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้

เซลล์แสงอาทิตย์ก็ใช้กลางคืนโดยไม่มีแบตเตอรี่กักเก็บไม่ได้ จึงไม่มีเสถียรภาพแน่นอนเหมือนก๊าซรัสเซียที่ส่งมาทางท่อและเชื่อถือได้มาตลอด ส่วนที่บัลแกเรีย นายดิมิทาร์ สโตยานอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ประกาศว่า “ตามที่ทูตยูเครนประจำบัลกาเรียขออาวุธหนักจากเรานั้น รัฐสภาอนุมัติการช่วยเหลือด้านอื่นที่ไม่ใช่การจัดหาอาวุธ” ในขณะที่ตัวเขายังตำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหมจะปฏิบัติตามมติสภาคือไม่ส่งอาวุธให้กับยูเครน

ในสหราชอาณาจักรนั้น ภายหลังพระราชพิธีพระบรมศพพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 บรรดาสหภาพแรงงานเริ่มทะยอยออกมาประกาศสลับกันนัดหยุดงานเรียกร้องค่าจ้างเพิ่มอีกครั้ง ค่าเงินปอนด์ก็อ่อนค่าร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ธนาคารอังกฤษประกาศทำ QE พิมพ์เงินปอนด์เพิ่มโดยไม่มีทองคำค้ำประกันเพื่อพยุงฐานะการคลังที่ถังแตก และจำเป็นต้องยื่นขอกู้เงินจาก IMF เพิ่ม

ดูเหมือนหลายชาติในยุโรปทิ้งระยะห่างจากยูเครน เพราะคลังอาวุธชาติยุโรปขาดแคลนแล้ว จนนาย Jens Stoltenberg เลขาธิการกลุ่มสงคราม NATO​ เรียกตัวผู้อำนวยการด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แห่งชาติ (CNAD)ไปที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม เพื่อขอให้เร่งผลิตอุตสาหกรรมอาวุธโดยด่วน เพราะสต็อคคลังอาวุธชาติตะวันตกกำลังขาดแคลน ส่วนอังกฤษนั้นแม้ว่าจะเปลี่ยนผู้นำไปสักอีกกี่คน แต่ถ้าคว่ำบาตรรัสเซียเจ้าพ่อพลังงาน ก็จะทุบเศรษฐกิจดิ่งหัวลง รัฐบาลใหม่ก็ขาดเสถียรภาพไม่จบไม่สิ้น