อียูระส่ำ-ตบหน้าเมกา! ฝ่ายค้านเยอรมนี ลุยพาปท.ออกจากEU ขณะปชช.ประท้วงยกเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย

0

อียูระส่ำ-ตบหน้าเมกา! ฝ่ายค้านเยอรมนี ลุยพาปท.ออกจากEU ขณะปชช.ประท้วงยกเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย

จากกรณีเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา เกิดการระเบิดขึ้นใต้ทะเลบอลติกทางตะวันออกเฉียงใต้เกาะบอร์นโฮล์มของเดนมาร์ก ถัดจากนั้นเกิดการระเบิดครั้งที่สองที่รุนแรงเกิดขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฯ ในกลางคืน ความรุนแรงเทียบเท่ากับแผ่นดินไหวขนาด 2.3 เทียบเท่ากับพลังงานจลการระเบิดไดนาไมต์มากกว่า 100 กิโลกรัม โดยสถานีแผ่นดินไหวในนอร์เวย์และฟินแลนด์สามารถบันทึกการระเบิดได้ ต่อมาพบการรั่วไหลก๊าซที่ผิดปกติจากท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 และ 2 ที่จมอยู่ใต้ทะเลต้นทางจากรัสเซียไปยังปลายทางเยอรมนี

โดยเมื่อวันที่ 30 กันยายน Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีวิกฤตในเยอรมนี โดยอ้างอิงจาก Sputnik news ระบุเนื้อหาบางส่วนว่า ชาวเอเซียจะมีหลักคิดว่า การค้าคือการแข่งขันกันแฟร์ๆ ใครค้าขายเก่ง ขยัน อดทน มีความสามารถมากกว่าก็ย่อมทำการค้ารุ่งเรืองกว่าฝ่ายตรงข้าม แต่ชาวแองโกล แซกซอน สหรัฐ อังกฤษ ใช้บรรทัดฐานนั้นไม่ได้พวกเขาเชื่อว่าต้องทำลายคู่ต่อสู้ให้ย่อยยับ แล้วฝ่ายตนก็จะชนะโดยง่าย เครื่องมือที่ฝ่ายระเบียบโลกเก่านิยมนำมาใช้คือ การคว่ำบาตร และสงคราม

แต่ที่สุดพิลึกคือ เพดานราคาน้ำมัน ก๊าซ ใหม่ล่าสุดนี้ “จะไม่ใช้บังคับกับสหรัฐ ที่ส่งมาขายให้ยุโรป และแพงกว่ารัสเซีย” นั่นหมายความว่ายุโรป ก็ต้องยอมซื้อพลังน้ำมัน ก๊าซ สหรัฐในราคาแพงขึ้นกว่า 10 เท่าต่อไป ย่อมไม่ช่วยบรรเทาวิกฤติขาดแคลนพลังงาน และอัตราเงินเฟ้อเลย เพราะรัสเซีย ก็ไม่สน ไม่แคร์ขายให้ยุโรปอยู่แล้ว เพราะทวีปเอเซีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ละตินอเมริกา ฯลฯ ต่างต่อสายขอซื้อพลังงานรัสเซียกันจนสายไหม้

รายงานจาก Federal Reserve สหรัฐ พบว่ามีการลดลงอย่างต่อเนื่องในตลาดหุ้น นิวยอร์ก (NYSE) ในปี 2022 นี้ได้ทำลายความมั่งคั่งของนักลงทุนไปแล้วกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ จากการถือครองหุ้นบริษัทและหุ้นกองทุนรวมของชาวอเมริกัน ลดลงจาก 42 ล้านล้านดอลลาร์ในต้นปีนี้ เหลือ 33 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้น มิ.ย. แต่ถึงปัจจุบันมูลค่าความเสียหายมหาศาลเพิ่มขึ้นคาดว่าราว 9.5 – 10 ล้านล้านดอลลาร์

นักลงทุนสหรัฐ พากันเทขายสินทรัพย์ทุกอย่างตั้งแต่หุ้นและพันธบัตรไปจนถึงน้ำมันและทองคำ วิกฤตเศรษฐกิจปั่นป่วนในสหรัฐขณะนี้ส่งผลให้ผลักดันชาวอเมริกัน 160 ล้านคน หรือ 48.5% เกือบครึ่งประเทศไปสู่ความยากจนสุดขีด อัตราการว่างงานในสหรัฐ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.7% ในปีนี้เป็น 4.4% ในปีหน้า ส่วนอัตราการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมของชาติ GDP สหรัฐ ปีนี้จะเพียง 0.2% เท่านั้นหรือแทบไม่เพิ่มขึ้นเลย

ด้านเยอรมนี ชาติเบอร์ 1 ทางเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป และ GDP อันดับ 4 ของโลก ที่หลงผิด “ทุบหม้อข้าวตนเอง” ใช้พลังงานก๊าซรัสเซีย 50% จนอิ่มหมีพีมันจนอ้วนพี 5 ศตวรรษ แต่เชื่อข่าวกรองลวงลูกพี่สหรัฐ ดันออกหน้าให้เป็นปฏิปักษ์คว่ำบาตรรัสเซีย สนับสนุนอาวุธทำสงครามยืดเยื้อในยูเครน ปัจจุบันเศรษฐกิจเยอรมนีพังยับ ค่าพลังงานแพงที่ซื้อมาจากสหรัฐ ส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้นแล้ว 10 เท่า เมื่อบวกกับค่าบริหารจัดการของบริษัทไฟฟ้าเข้าไปแล้วขายต่อประชาชนทำให้บิลค่าไฟฟ้าทะยานขึ้นแล้ว 14 เท่าจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

“กองทัพปลดแอกชาวเยอรมนี” พรึบตามหัวเมืองทั่วประเทศ และในเมืองหลวงเบอร์ลินยึดถนนเป็นที่มั่นยืนหยัดสู้รัฐบาลให้ยกเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย เปิดท่อ Nord stream 1 และ 2 แต่ตอนนี้ฝันใช้ก๊าซราคาถูกนั้นได้ดับสลายไปแล้วจากมือมืดที่ก่อวินาศกรรมระเบิดท่อส่งก๊าซในทะเลบอลติกรั่ว 4 จุด ฤดูหนาวนี้ชาวเยอรมันจะเจอบิลค่าไฟฟ้ารายเดือนที่จะกระโดดจั้มขึ้นไปอีก 15 – 25 เท่าจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

พรรค AfD ฝ่ายค้านเยอรมนี มีนโยบายหลัก คือ “เยอรมนี ต้องมาก่อน และออกจากสหภาพยุโรป” บริษัทวิจัย INSA รายงานโพลสำรวจความนิยมประชาชนระดับชาติพบว่าพรรค AfD ฝ่ายค้านมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น 5% จากเดิม 10% เพิ่มขึ้นเป็น 15% ส่วนพรรค SPD รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์คะแนนนิยมลดลง 7.7% จากเดิม 25.7% เหลือ 18% ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรคก็คะแนนนิยมดิ่งเหวลงเช่นกัน เพราะชาวเยอรมันโกรธเคืองกับปัญหาวิกฤติพลังงาน ขาดแคลนก๊าซ ค่าครองชีพแพงมากจนดำรงชีพเดือดร้อนแสนสาหัส

ล่าสุดสร้างความตกตะลึง เมื่อรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ย.นี้ของเยอรมันพุงเป็น 10.9% สิ่งนี้เสมือนอาวุธที่เยอรมนี ส่งไปให้ฝ่าย NATO และยูเครน รบกับฝ่ายรัสเซีย แต่มันดันย้อนเด้งกลับพุ่งมาระเบิดเศรษฐกิจในเยอรมนี จนแหลกในวงกว้าง อุตสาหกรรมในชาติปิดตัวและลดการผลิตลงไปแล้ว 60% ให้ออกคนงานไปแล้วจำนวนมาก และ GDP เยอรมนี “กำลังวิ่งถอยหลังเข้าหาศูนย์”

พรรค AfD ฝ่ายค้านได้ทีขึ้นขย่มเก้าอี้รัฐบาลทันทีโดยประกาศก่อม็อบประท้วงเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลทุกสัปดาห์ในช่วงฤดูหนาวนี้ เพื่อฉวยจังหวะช่วงวิกฤต “ขบวนการปลดแอกประชาชน” ที่ในเยอรมนีตอนนี้ “เกิดกระแสต่อต้านสหรัฐอย่างมาก” และกำลังลุกลามเป็นไฟลามทุ่งไปทั่วยุโรป บีบและคว่ำรัฐบาลเยอรมนี โปรสหรัฐให้กระเด็นตกจากเก้าอี้ ไม่ว่าจะยอมลาออกก่อนดีๆ หรือจะเกิดจราจลทั้งประเทศก่อนลาออก ก็ดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันนัก แล้วเปลี่ยนแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเยอรมนีใหม่แนวอนุรักษ์นิยมดันนโยบาย “เยอรมนี ต้องมาก่อน และออกจากสหภาพยุโรป”