จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ นายกฯคนใหม่ของอังกฤษ ได้ออกมาปกป้องแผนเศรษฐกิจฉบับใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าไม่ใช่แนวคิดที่จะทำให้ตลาดการเงินของประเทศตกต่ำ และรัฐบาลก็พร้อมที่เดินหน้าแผนดังกล่าวต่อไป เพื่อจุดประกายให้เศรษฐกิจอังกฤษกลับมาเติบโตอีกครั้ง แม้จะความคิดเห็นขัดแย้งกับความคิดเห็นกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ตาม
ลิซ ทรัสส์ เปิดเผยว่า นี่เป็นแผนที่ถูกต้องที่เราได้กำหนดไว้ ซึ่งเราต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เศรษฐกิจประเทศเติบโต และจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ขัดแย้งและยากลำบาก แต่ฉันก็พร้อมที่จะดำเนินการแผนดังกล่าวในฐานะนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการทำให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัวในระยะยาว
ทั้งนี้แผนเศรษฐกิจฉบับใหม่ของนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ ถูกคัดค้านจาก IMF และมูสดี้ อินเวสเตอร์เซอร์วิส ที่กล่าวโจมตีว่าแผนเศรษฐกิจฉบับดังกล่าวซึ่งรวมถึงแผนปรับลดภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นนั้น จะทำให้สถานะการคลังของอังกฤษเผชิญกับการขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นและอาจส่งผลกับภาระหนี้ของอังกฤษในอนาคต
ล่าสุดก็มีรายงานด้วยว่า หนังสือพิมพ์รายวันอังกฤษ The Independent ได้รายงานตีข่าวว่า ลิซ ทรัสส์ ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะมาหนึ่งสัปดาห์ แม้จะประกาศแผนงบประมาณฉุกเฉินในการรักษาสภาพเศรษฐกิจ แต่กลับไม่เป็นที่นิยม และถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเน้นช่วยเหลือคนรวย
อีกทั้งมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือประชาชนท่ามกลางสถานการณ์ที่วิกฤต ค่าเงินปอนด์ร่วงลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ กลับไม่เป็นผลดีต่อประชาชนมากนัก การที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่ออกมาพูดเพื่อคลายความกังวลจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ The Independent ยังรายงานอีกว่า ไม่มีใครได้ยินจาก ลิซ ทรัสส์ อีกเลยตั้งแต่เธอพูดที่สหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ก่อน เธออยู่ในสภาผู้แทนราษฎรข้างควาซี ควาร์เต็ง ขณะที่เขาประกาศงบประมาณฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ ที่ 23 ก.ย. 2565 เธอพยักหน้าและยิ้มเพื่อแสดงความสนับสนุน แล้วเธอก็รีบออกจากห้องทันทีที่ผู้นำฝ่ายค้านตั้งกระทู้สดถามโต้
สื่อทั้งหลายชักเริ่มสงสัยในความสามารถของเธอ ซึ่งก่อนการเลือกตั้งบรรดาเหล่าอินฟลูฯและผู้คนมากมายทางโซเชียลต่างชื่นชม และพูดถึงเธอในแง่ดีต่าง ๆ มากมาย แต่เมื่อถึงเวลาทำงานจริง เธอกลับทำไม่ได้ตามที่ประชาชนคาดหวัง รวมทั้งยังต้องเจอเรื่องพลังงาน ค่าครองชีพ และอากาศหนาวเหน็บที่กำลังมาเยือน ประชาชรอังกฤษเริ่มไม่แน่ใจว่า ผู้นำรายนี้จะพาคนทั้งชาติให้พ้นวิกฤติได้หรือไม่
.