มีรายงานว่าหลายประเทศในยุโรปเร่งเดินหน้าตรวจสอบกรณีท่อส่งก๊าซ Nord Stream ทั้งหมายเลข 1 และหมายเลข 2 รั่วไหลในเวลาใกล้เคียงกัน โดยรัฐบาลของเยอรมนี เดนมาร์ก และสวีเดน ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การรั่วไหลของท่อส่งก๊าซในทะเลบอลติกครั้งนี้เกิดจากการถูกโจมตี และบางประเทศให้การโยงว่า สหรัฐฯอาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพราะมีคำพูดที่ไบเดนเคยกล่าวเรื่องการโจมตีท่อก๊าซ ทำให้เจ้าหน้าที่ในยุโรป ต้องยกระดับคุมเข้มความปลอดภัย เพราะหวั่นจะเกิดปัญหาซ้ำเติมสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในเรื่องพลังงาน มากไปกว่านี้อีก
ขณะเดียวกันทางสหรัฐฯ ก็เริ่มผวาการเกณฑ์พลของรัสเซีย จึงมีคำสั่งให้พลเมืองสหรัฐฯที่อยู่ในรัสเซีย ย้ายออกจากประเทศด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ทางการเกณฑ์ไปช่วยรบกับยูเครน การกระทำของสหรัฐฯ คล้ายกับว่ากลัวท่าทีการเคลื่อนไหวของรัสเซียอย่างมาก รวมทั้งยังมีข้อมูลที่เพนตากอน แอบดักฟังแผนการรบของปูติน
โดยมีรายงานข่าวกรองลับ ระบุว่าเพนตากอนที่ดักฟังการสื่อสารได้พบ “ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน” ออกสั่งการนายพลรัสเซียที่อยู่แนวหน้าด้วยตัวเองจากกรุงมอสโก แต่เพตากอนอ้างว่า รัสเซียยังคงสร้างความสับสนในระดับบัญชาการ ว่าจะใช้ยุทธวิธีใดที่จะเอาคืนโต้การรุกคืบอย่างคาดไม่ถึงของยูเครนที่เกิดขึ้นเดือนนี้ได้ แต่ในสมรภูมิรบจริง กลับตรงข้าม เพราะรัสเซียได้โจมตียูเครนแบบถล่มเละรายวัน จึงไม่อาจจะปักใจเชื่อข้อมูลตามคำกล่าวอ้างของเพนตากอนได้
แต่เพนตากอน ยังอ้างอิงจากแหล่งข่าวใกล้ชิด 2 ปากที่ระบุว่า “ปูตินเป็นผู้สั่งการด้วยตัวเอง” ต่อบรรดานายพลรัสเซียในสมรภูมิ ในการดักฟังพบว่า เจ้าหน้าที่การทหารรัสเซียไม่เห็นด้วยอย่างเห็นได้ชัดต่อยุทธวิธีซึ่งบรรดาผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพรัสเซีย พยายามอย่างยากลำบากในการที่จะเห็นด้วยถึงจุดที่ควรให้ความสนใจเพื่อที่จะทำให้มีความได้เปรียบมากขึ้นในการรบ อ้างอิงจากหนึ่งในแหล่งข่าวที่เปิดเผยกับ CNN
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานในรายละเอียดว่า ในรายงานกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงกองทัพรัสเซียได้ตอบโต้ด้วยการแทนที่จะกล่าวโทษไปที่ปูติน แต่กลับโยนความผิดพลาดไปให้ฝ่ายอื่นแทน
ทั้งนี้น่าติดตามว่า ในการดักฟังครั้งนี้ ปูตินอาจจะทราบอยู่แล้ว เพราะในอีกไม่กี่วันต่อมา ได้มีการเคลื่อนไหวแบบทำทั้งโลกช็อก เมื่อเขาประกาศเคลื่อนพลบางส่วนเข้าบุกยูเครน และเรียกทหารกองหนุนรัสเซียจำนวน 300,000 คนเข้าประจำการเพื่อส่งไปรบยูเครนทันที แม้จะมีประชากรบางส่วนเข้าใจผิดและแห่หนีออกนอกประเทศ แต่ก็พบว่าประชากรชายอีกจำนวนมากยอมรับข้อเสนอด้านสวัสดิการในการรบ และยอมออกไปปกป้องชาติเพื่อประเทศรัสเซียจนเกินเป้า
