จากกรณีที่นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาเปิดเผยกล่าวถึงสถานการณ์ “รอยรั่วปริศนา 3 จุด” ซึ่งเป็นผลจาก “การโจมตี” ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2 ซึ่งเป็นเส้นทางส่งก๊าซสายสำคัญที่เชื่อมระหว่างรัสเซียกับยุโรป ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาใหญ่กับรัสเซียเช่นกัน เนื่องจากท่อส่งทั้งสองระบบมีก๊าซธรรมชาติ “ซึ่งเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น” แต่ตอนนี้ก๊าซทั้งหมดสลายไปกับอากาศแล้ว และความมั่นคงด้านพลังงานของยุโรปอาจได้รับผลกระทบ
เกี่ยวกับการที่ประเทศตะวันตกบางแห่งกล่าวว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลัง “การก่อวินาศกรรม” เปสคอฟกล่าวว่า “การกล่าวหางี่เง่าเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย” แต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องของรัสเซียไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เนื่องจากกำลังมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายเร็วที่สุด และสำนักงานความมั่นคงแห่งรัฐ ทั้งนี้โฆษกทำเนียบเครมลินได้ตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับการที่บริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว ( แอลเอ็นจี ) หลายแห่งของสหรัฐ มีผลกำไรเพิ่มขึ้น “แบบพุ่งกระฉูดอย่างฉับพลัน” จากการเดินหน้าส่งแอลเอ็นจีเข้าสู่ยุโรป บวกกับข้อมูลที่ฝ่าย EU ออกมาแฉว่า เหตุท่อก๊าซรั่ว อาจจะมีสหรัฐฯอยู่เบื้องหลัง เพราะพบความผิดปกติหลายประการ
ขณะที่การโจมตีรัสเซียของฝ่ายตะวันตก มีตั้งแต่กล่าวหาว่าปูตินป่วยโรคร้าย จะไม่สามารถจะควบคุมการศึกได้ ตามมาด้วย การดิสเครดิตเรื่องเกณฑ์กำลังพล 3 แสนนาย ว่ารัสเซียกำลังเสี่ยงแพ้มาก ๆ และมีความอ่อนแอ จึงได้ระดมพลทหารจำนวนมากขนาดนี้ อีกทั้งยังโยงเรื่องท่อนอร์ดสตรีม ว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตามรัสเซียได้หมายหัวตะวันตกไว้เช่นกัน ในการยกระดับสงครามครั้งนี้ เพื่อต้องการตอบโต้ให้ตะวันตกรู้ว่า อย่ากล่าวหารัสเซียแบบไม่มีมูลบ่อยนัก เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องงี่เง่า