หลังจากที่เกิดเหตุชุลมุนภายในสหภาพยุโรป เมื่อเจ้าหน้าที่ของยุโรปเปิดเผยว่า เขากำลังสืบสวนเหตุรั่วไหลที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ นอร์ด สตรีม ทั้ง 2 ท่อ โดยหลายประเทศรวมถึงรัสเซียประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการก่อวินาศกรรม
ซึ่งการรั่วไหลของท่อส่งก๊าซธรรมชาติ นอร์ด สตรีม 1 และ 2 ใต้ทะเลบอลติก จนทำให้หลายประเทศตั้งแต่โปแลนด์จนถึงรัสเซียออกมาแสดงความกังวลว่า อาจมีการก่อวินาศกรรมต่อท่อส่งน้ำมันซึ่งกำลังเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียอยู่ตอนนี้
จนถึงตอนนี้ยังไม่หลักฐานใด ๆ ว่า การรั่วไหลครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แม้ว่านักแผ่นดินไหววิทยาในเดนมาร์กและสวีเดนตรวจพบการระเบิดรุนแรงในพื้นที่ที่เกิดก๊าซรั่วเมื่อวันจันทร์ที่ 26 ก.ย. 2565 ขณะที่ GFZ ศูนย์วิจัยธรณีวิทยาของเยอรมนี ก็ระบุว่าพบการระเบิด 2 ครั้งใกล้เกาะบอร์นโฮล์ม ของเดนมาร์กในวันเดียวกัน
ทำเอาหลาย ๆ ประเทศในยุโรประส่ำไปตาม ๆ กัน เมื่อเกิดวิฤกติซ้ำซ้อนขึ้นมาท่ามกลางพลังงานที่ราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ และยังพบว่า สถานการณ์ในฝรั่งเศส ก็เกิดเหตุเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ที่ประสบเหตุไฟไหม้ครั้งใหม่
โดยโฆษกของหน่วยงานทางทะเลท้องถิ่นปิแอร์-หลุยส์ จอ สเซลิน เปิดเผยกับ เอเอฟพี ระบุว่า นักผจญเพลิงราว 90 คนถูกเรียกให้ดับไฟที่ระอุบนเรือ “ลาแปร์ล” ซึ่งคาดว่าน่าจะแตกออกเป็นฉนวนในบริเวณที่เก็บอาหาร ตอนนี้ยังคงไม่ทราบสาเหตุการเผาไหม้โดยไม่มีเปลวไฟ แต่เจ้าหน้าที่ได้ดับเพลิงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว และเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสอบสวนต่อไป เรือลาแปร์ล เคยถูกไฟไหม้ไปเมื่อปี 2020 แล้ว แต่ความเสียหายรอบนี้เทียบไม่ได้กับคราวก่อน ซึ่งจะต้องมีการซ่อมแซมเรือดำน้ำนิวเคลียร์ลำนี้ต่อไป และยังตอบไม่ได้ว่า เรือลำดังกล่าวจะกลับมาใช้งานได้เมื่อใด
อย่างไรก็ตาม ในเหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับยุโรปในเวลานี้ ทั้งท่อก๊าซรั่ว เรือดำน้ำไฟไหม้ ย่อมทำให้เกิดความโกลาหลใหญ่ในยุโรป ที่ต้องเร่งแก้ปัญหา จนทำให้ในเวลานี้ บรรดากูรูสงครามต่างมองว่า ยุโรปอาจจะต้องนึกถึงผลประโยชน์ของชาติตัวเองมาเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะส่งอาวุธไปช่วยหนุนยูเครนรบกับรัสเซีย
