นายกฯเยอรมนี บากหน้าขอก๊าซจากพันธมิตรรัสเซีย! ขณะปชช.ประท้วงเดือดจ่ายภาษีให้รบ.เกือบพันล้าน แต่ต้องปิดกิจการ
จากกรณีเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว Reuters ระบุว่า ร้านเบเกอรี่ใน เยอรมนีกำลังเผชิญกับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และร้านเบเกอรี่หลายพันแห่งกำลังเผชิญกับการปิดกิจการ ตามรายงานนี้ ค่าไฟฟ้าจ่ายแพงมาก ซึ่งปกติจ่ายเดือนละ 300,000 ยูโรสำหรับบริษัทนี้ เพิ่มขึ้นมา 1.2 ล้านยูโร การเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบ เช่น น้ำตาล แป้ง นม และเนย ทำให้ต้นทุนของบริษัทสูงขึ้นเช่นกัน
ต่อมาเมื่อวานนี้ (26 กันยายน 2565) ทาง Blockdit World Update โพสต์ข้อความถึงกรณีที่เยอรมนี ม็อบขนมปังโวย ค่าไฟฟ้าเดือนละกว่า 3 ล้าน เผ่นซื้อเศษเสี้ยวก๊าซจาก UAE โดยอ้างอิงจาก Reuters และ Infoquest ระบุเนื้อหาบางส่วนว่า
นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ก็ตัดสินใจผิดพลาดเป็นปฏิปักษ์รัสเซียอีกครั้ง จนนำมาซึ่งหายนะทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของเยอรมนี อุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ทั้งพลังงาน ปุ๋ย แก้ว เคมีภัณฑ์ ฯลฯ ไปไม่รอดต้องทะยอยปิดตัว ย้ายฐานการผลิตไปสหรัฐ จีน ส่วนรัฐบาลเยอรมนีก็ต้องสาละวนวุ่นกับการออกมาตรการพิลึกมาประหยัดพลังงาน เช่น ลดเวลาอาบน้ำพลเมือง ปิดไฟแสงสว่าง สร้างหม้อต้มน้ำยักษ์ สร้างสระว่ายน้ำรวมเพิ่ม ซื้อกิจการเอกชนที่ล้ม เยียวยาประชาชนค่าขนส่ง ลดภาษีฯลฯ ซึ่งยิ่งแก้ยิ่งยุ่งเหยิงหนักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเสียเงินสิ้นเปลืองเปล่า ทั้งเสียเวลา เสียมิตร ขัดแย้งกันเองในสหภาพยุโรป ชาวเยอรมันเองก็เดือดร้อนแสนสาหัสจนจำเป็นต้องลงถนนก่อม็อบกันทั้งประเทศ ถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ ม็อบคงไม่ดาหน้าออกมามากและกว้างขนาดนั้น
บางคนถึงขนาดประท้วงโดยใช้เครื่องบินขึ้นป้ายให้เปิดท่อ Nord Stream2 ซึ่งจะทำให้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ค่าครองชีพสูง จบลงทันที แถมเป็นยี่ปั้วเสือนอนกินขายก๊าซต่อให้ยุโรป รวยในข้ามคืน , ขณะนี้ม็อบที่เดือดร้อนมากคือ “ม็อบขนมปัง” เช่น นาย Eckehard Vatter ธุรกิจครอบครัวทำขนมปังในฮันโนเวอร์ ค่าก๊าซรัสเซียช่วงนี้ของปีก่อน 5,856 ยูโร/เดือน (ราว 214,095บาท) สำหรับเตาอบขนาดใหญ่และเครื่องทำความร้อน แต่ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาเขาต้องจ่ายเงินค่าก๊าซไปแล้วกว่า 330,000 ยูโร หรือราว 82,500 ยูโร/เดือน (ราว 3.02 ล้านบาท)
ราคาพลังงานเพิ่มขึ้นมา 14 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เขาแสดงท่าทีอย่างไม่พอใจบอกว่า “พวกเขาบ้าหรือเปล่า” เขาบอกว่าภาษีที่เยอรมนีหนักมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันจ่ายภาษีไปแล้วราว 19.9 ล้านยูโร (727.5 ล้านบาท) แต่ภาษีเหล่านั้นไม่ย้อนกลับมาช่วยค่าก๊าซเลย ฉันกับเพื่อนร่วมงานอาชีพเดียวกันกว่า 1,000 คน จึงต้องออกมาประท้วง เร็วๆ นี้เตาอบขนมปังทั้งหมดคงต้องปิดกิจการไป
ล่าสุดนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ต้องแตกแถวจากสหภาพยุโรป (EU) เป็นศิลปินเดี่ยว เอาตัวรอด นำบริษัทพลังงาน RWE ของเยอรมันบากหน้าเดินทางไปพบมกุฎราชกุมารซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับอิมิเรต (UAE) ลงนามขอซื้อก๊าซเหลว LNG ราคาแพงลิ่วส่งทางเรือจาก Abu Dhabi National Oil Company (ADNOC) โดยจะเริ่มส่งก๊าซไปเมืองฮัมบูร์ เยอรมนีช่วงสิ้นปีนี้ แต่ปริมาณเล็กน้อยมากแค่ 137,000 ลูกบาศก์เมตร น้อยกว่ารัสเซียเคยส่งผ่านท่อ Nord stream1 ให้เยอรมันแค่วันเดียวเสียอีก (150,684 ลูกบาศก์เมตร)
เยอรมนีมีถังเก็บก๊าซลอยตัว 2 แห่งเก็บ LNG ได้ 12,500 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ความจุ 13% ของปริมาณการใช้ก๊าซของเยอรมนีปีที่แล้ว ส่วนปริมาณที่ซื้อก๊าซจาก UAE นี้ยังไม่ถึง 0.000001% ความจุถังนั้นด้วยซ้ำ และบริษัท ADNOC ของ UAE ก็เขี้ยวมากสงวนจำนวนสินค้า LNG ไม่ระบุเพิ่มเติมในสัญญาในปีหน้าอีกด้วยว่าจะขายให้หรือไม่ขายให้เท่าไร เพราะมันก็คือก๊าซที่ส่งมาจากรัสเซียนั่นเอง , นอกจากก๊าซแล้วเยอรมนียังขอซื้อ “น้ำมันสำเร็จรูป” กลั่นดีเซล 250,000 ตัน/เดือน
คิวต่อไปผู้นำเยอรมนีจะเดินทางบากหน้าไปขอก๊าซจากกาตาร์อีกแห่งหนึ่ง ที่น่าตกใจคือเยอรมนี เคยเป็นผู้ส่งออกแอมโมเนียรายใหญ่ของโลก แต่มาคราวนี้กลับตาลปัตรต้องบากหน้ามาขอนำเข้าแอมโมเนียจากบริษัท ADNOC ของ UAE..สรุป เยอรมนีเดินทางมาขอพลังงาน 3 ประเทศในกลุ่ม OpecPlus ที่มีรัสเซียเป็นขาใหญ่คุมโควต้าน้ำมันครั้งนี้เป็นแค่ “อีเว้นท์จัดฉากหลอกชาวเยอรมัน ให้รู้สึกมีความหวัง” เท่านั้น
ปริมาณก๊าซที่จะได้รับนั้น ยังน้อยว่ารัสเซียส่งให้ในวันเดียว ได้แต่น้ำมันดีเซลสำเร็จรูปไปแสดงถึงเยอรมนีวิกฤติจริงๆ เพราะปกติจะนำเข้าน้ำมันดิบไปกลั่นเองเพื่อแปลงสภาพไปได้อีกหลายชนิดผลิตภัณฑ์ ส่วนการ์ตานั้น ส่งให้ 10% ทั้ง 27 ประเทศ EU คิดเป็น 25% ของรัสเซียเท่านั้น จึงเฉลี่ยประเทศละไม่ถึง 1% ไม่อาจเพิ่มจากนี้ได้อีก ดังนั้นการเดินทางเป็นศิลปินเดี่ยวตระเวณขอก๊าซของผู้นำเยอรมนีจาก 3 ชาติตะวันออกกลางที่เป็นคู่หูรัสเซียในครั้งนี้ จะไม่ช่วยวิกฤติพลังงานในประเทศเยอรมันได้ ร้านทำขนมปังทำใจจ่ายค่าก๊าซเกิน 3 ล้านบาท/เดือนต่อไปได้เลย