จากกรณีที่ชาติตะวันตกได้พยายามตีข่าว ระบุว่าการเกณฑ์กำลังพลกว่า 3 แสนนายของรัสเซียนั้น เป็นการประกาศทางอ้อมว่า รัสเซียกำลังพ่ายแพ้อย่างหนัก ถึงต้องไปเกณฑ์กำลังพลมามหาศาลขนาดนั้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง ฝั่งผู้นำ EU ไม่เชื่อว่า รัสเซียจะจนตรอกจริง แต่กำลังจะเป็นจุดเริ่มต้นหายนะครั้งใหม่ และเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ก็ไม่เป็นเพียงแค่คำขู่จากปูตินแน่นอน รวมทั้งในทางตรงกันข้าม พบว่ามีประชากรชายในมอสโก ยังคงเข้าร่วมการสมัครทหาร โดยได้เดินทางไปยังศูนย์เกณฑ์ทหาร เพื่อสมัครรับใช้ชาติสู้รบกับทหารยูเครน หลังประธานาธิบดีปูติน สั่งระดมพลครั้งใหญ่
และล่าสุด มีรายงานว่าชาวรัสเซียที่อยู่ในกำลังพลสำรองและผู้ที่เคยผ่านการเป็นทหารมาแล้ว ได้เดินทางไปยังศูนย์เกณฑ์ทหาร หลังประธานาธิบดีปูติน สั่งระดมพลบางส่วน เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพของรัสเซีย ซึ่งขณะนี้ กระบวนการเกณฑ์ทหารเกิดขึ้นแล้วทั่วรัสเซีย และมีคลิปวิดีโอรถรับส่งผู้มาเกณฑ์ทหารโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์
นอกจากนี้ยังเกิดข่าวลือและข้อมูลเท็จแพร่สะพัดทางโลกออนไลน์ ทำให้รัฐบาลรัสเซียต้องออกแถลงการณ์เกือบทุกชั่วโมง ทางการระบุว่า ไม่มีการบังคับประชาชนให้มาสมัครเป็นทหาร และที่ผ่านมากองทัพระดมพลเฉพาะผู้ที่อยู่ในกำลังพลสำรอง และผู้ที่มีประสบการณ์ทางการทหาร อีกทั้งมีการเปิดสายด่วนเพื่อตอบคำถาม ผู้ที่สนใจสมัครเข้าเป็นทหาร และครอบครัวของพวกเขา ทั้งนี้บรรดาพลทหารจะได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่าในการช่วยชาติครั้งนี้เช่นกัน
และกฎเหล็กที่น่าเกรงขามของฝั่งรัสเซีย คือการที่ประธานาธิบดีปูตินลงนามในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลงโทษสถานหนักต่อทหารอาสาที่ยอมจำนนให้แก่กองกำลังฝ่ายศัตรู และหนีทัพหรือปฏิเสธการสู้รบ ซึ่งระวางโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี คำประกาศของปูตินครั้งนี้ มีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังผู้นำรัสเซียสั่งระดมพลกำลังสำรอง 300,000 นาย เพื่อสู้รบในยูเครน
อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังได้สับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญในฝ่ายพลาธิการกองทัพ หลังถูกกองทัพยูเครนโจมตีอย่างหนักในสงคราม 7 เดือนที่ยูเครนโดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า พลโทมิคาอิล มิซินต์เซฟ วัย 60 ปี จะมาทำหน้าที่แทนพลเอกดมิทรี บุลกาคอฟ วัย 67 ปี ที่ถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกลาโหม หลังเกิดปัญหาในการจัดเสบียงสนับสนุนกองทัพรัสเซียในยูเครน รวมทั้งแผนการรบครั้งใหม่จะมีปูตินบัญชาการกลยุทธ์ด้วยตนเอง จึงทำให้น่ามองว่า การที่ปูตินออกกฎเข้มครั้งนี้ เพื่อต้องการเพิ่มศักยภาพให้ทหารรัสเซีย ว่าอย่ายอมจำนนต่อกองทัพยูเครนในสมรภูมิรบ เหมือนกับที่ทหารยูเครนมักหนีตายกลางสนามรบ และยังปล่อยให้ทหารรัสเซียยึดอาวุธมาอย่างง่าย ๆ ก่อนหน้านี้ปูตินได้อัดฉีดงบรายคน ราว ๆ 30,000-40,000 บาท เป็นเงินที่จะได้รับพิเศษทุกเดือน และหากบาดเจ็บจะได้รับการรักษาและเงินจำนวนหนึ่งตอบแทนอย่างคุ้มค่า ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้พลทหารอย่างมากในเวลานี้