เดือดระอุยกระดับ ในความขัดแย้งรัสเซียกับสหรัฐและนาโต้ ทั้งเวทีประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และในสมรภูมิรบยูเครน ท่ามกลางควันสงครามคุกรุ่น ๓ ภูมิภาคในยูเครนที่ทนถูกปราบปรามมา ๘ ปี ได้ตัดสินใจลงประชามติรวมรัสเซีย กำหนดการเริ่มตั้งแต่วันนี้ และจะประกาศผลในวันที่ ๒๘ ก.ย.นี้แน่นอน ระหว่างนี้ย่อมมีการก่อกวนจากนาโต้และยูเครนในทุกวิถีทาง แต่เมดเวเดฟอดีตปธน.รัสเซียประกาศกร้าวรัสเซียจะยอมรับเสียงเรียกร้องของประชาชนและจะปกป้องอย่างถึงที่สุด ทั้งเฉ่งสหรัฐและนาโต้อย่างไม่ไว้หน้าว่า ให้ปลด ‘นายพลสหรัฐงี่เง่า’ซะ ที่มาขู่ว่าจะโจมตีไครเมียและรัสเซีย เพราะมอสโกว์จะส่งซาร์มัดไปเยือนั้งวอชิงตันและลอนดอนได้แหลกในชั่วพริบตา
การทหารรัสเซียแสดงท่าทีชัดเจนว่า เมื่อไม่เจรจาและคุกคามไม่เลิกก็พร้อมรบแล้วแบบเต็มพิกัด ขณะเดียวกันทางการทูตที่เวทีประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯสหรัฐและอังกฤษได้ใช้เป็นเวทีประณามใส่ร้ายรัสเซียอย่างเต็มขีด รัสเซียโดยรมว.ต่างประเทศ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟได้เปิดโปงความโหดร้ายที่รัฐบาลเคียฟทำกับประชาชนยูเครนที่พูดภาษารัสเซียมายาวนานกว่า ๘ ปี แต่ตะวันตกเมินเฉยต่ออาชญากรรมร้ายแรง โดยปล่อยให้เคียฟแสดงตัวตนความเป็นลัทธิสุดโต่งแบบเดียวกับที่รัสเซียเคยปราบมาแล้วในสงครามโลกครั้งที่สอง
วันที่ ๒๓ ก.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิก รายงานว่าดมิทรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev)อดีตประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “มอสโกว์จะไม่ยอมถูก NATO ข่มขู่หรือแบลกเมย์เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ และจะใช้อาวุธ “ใดๆ” ที่เห็นว่าเหมาะสมเพื่อปกป้องดินแดนของตนแน่นอน”
เมดเวเดฟเขียนบนโซเชียลมิเดียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเน้นว่าการลงประชามติของสาธารณรัฐดอนบาส(Donbass) ภูมิภาคซาโปริชเชีย (Zaporizhye) และเคอร์ซอน (Kherson) ซึ่งวางแผนไว้สำหรับวันที่ ๒๓ ถึง ๒๗ กันยายนจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน “สาธารณรัฐ Donbass และดินแดนอื่น ๆ จะได้รับการยอมรับในรัสเซียอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
อดีตประธานาธิบดีกล่าวว่า “กองทัพรัสเซียจะเสริมกำลัง การป้องกันดินแดนที่จัดตั้งขึ้นทั้งหมดอย่างมีนัยสำคัญ และเพื่อปกป้องดินแดน รัสเซียอาจใช้ไม่เพียงแต่ความสามารถในการระดมกำลังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาวุธใดๆ ของรัสเซีย รวมถึงอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ด้วย”
เมดเวเดฟเตือนโดยไม่เอ่ยชื่อว่า “คนงี่เง่าที่เกษียณแล้วที่เป็นถึงนายพลทหาร” ไม่ควรพยายามข่มขู่มอสโกว์ โดยอ้างว่านาโต้สามารถโจมตีคาบสมุทรไครเมีย ที่โหวตอย่างท่วมท้นให้รวมตัวกับรัสเซียในปี ๒๕๕๗/๒๐๑๔ หลังจากการรัฐประหารในเคียฟ
เขาเตือนเข้มว่า “ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกจะโจมตีเป้าหมายในยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้เร็วกว่ามาก” พร้อมเสริมว่า “ สถานประกอบการทางตะวันตกและพลเมืองของ NATO จำเป็นต้องเข้าใจว่ารัสเซียได้เลือกเส้นทางของตัวเองแล้ว และไม่มีทางหวนกลับสู่เส้นทางยอมจำนน ”
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เบน ฮอดเจส อดีตผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ในยุโรป (the former commander of the US Army in Europe, Ben Hodges)กล่าวว่าวอชิงตันสามารถทำลายกองเรือทะเลดำของรัสเซีย ซึ่งมีฐานอยู่ในแหลมไครเมีย หรือฐานทัพบนคาบสมุทร หากมอสโกว์หันไปใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน เขาตั้งข้อสังเกตว่า “ไม่น่าเป็นไปได้มาก” ที่ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน จะสั่งให้ส่งอาวุธนิวเคลียร์เข้าใช้ในสนามรบ
อาวุธเหนือชั้นที่เมดเวเดฟกล่าวถึง อาจรวมถึงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก ซาร์มัต ไอซีบีเอม (Sarmat ICBM)ซึ่งสหรัฐขนานนามว่า ซาตาน๒ ก่อนหน้านี้มีซาตาน๑ ที่เข้าประจำการแล้ว กองทัพรัสเซียจะได้รับซามัต๒ เข้าประจำการครั้งแรกเร็วๆนี้ หลังปธน.ปูตินเปิดเผยแล้วตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา
วลาดิเมียร์ เด็กยาร์(Vladimir Degtyar) หัวหน้านักออกแบบของเม็กกาเยฟ ร็อคเก็ต ดีไซน์ บูโร (Makeyev Rocket Design Bureau) ศูนย์พัฒนาจรวดที่ผลิตซาร์มัตรุ่นอาร์เอส-๒๘ (RS-28 Sarmat) เปิดเผยระบบควบคุมของซาร์มัต ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ขีปนาวุธสามารถเดินทางต่อไปได้แม้ว่าจะโดนขีปนาวุธต่อต้านขีปนาวุธของศัตรู
เด็กยาร์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า“ระบบควบคุมการบินบนเครื่องบินของซาร์มัตมีความสามารถในการแก้ไขวิถีของมันโดยใช้โกลแนส (GLONASS) ซึ่งทำให้สามารถรับประกันความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมายที่สูง ซึ่งรวมถึงภายหลังการกระแทกจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของศัตรู”
ระบบโกลแนส(GLONASS) ของรัสเซียมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับระบบนำทางทั่วโลกที่ใช้ดาวเทียม จีพีเอส(GPS),กาลิเลโอ (Galileo) และไป่ตู (BeiDou)
“เมื่อการทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว การนำซาร์มัตเข้าประจำการ มันจะเข้ามาแทนที่ระบบขีปนาวุธโวโวดา (Voevoda) ซึ่งมีอยู่ในส่วนประกอบภาคพื้นดินของกลุ่มนิวเคลียร์สามกลุ่มของรัสเซีย NATOกังวลอย่างมากกับขีปนาวุธรุ่นนี้ และไฮเปอร์โซนิกกลุ่มนี้ไม่ได้ถูกเรียก “ซาตาน” โดยรัสเซีย ผู้เชี่ยวชาญของนาโต้เป็นฝ่ายเรียกซาร์มัตว่า ‘ซาตาน-๒’ แต่ฉันจะเรียกมันว่า ‘ซาตานกำลังสอง’มากกว่า”
