ต้องเรียกว่า นอกจากไม่ได้ดอกแล้วยังเสียต้นไปจมเลยสำหรับ ช่อ เมื่อมาเจอมวยที่ต้องบอกว่าเหนือชั้นกว่า เพราะถึงนาทีนี้แฟนๆยกให้ มาดามเดียร์ ขยับขึ้นมาเป็นต่อสองถึงสามช่วงตัวเลยทีเดียว!?! ทั้งการฟ้องหมิ่นประมาทที่ศาลได้รับคำฟ้องไว้แล้ว!!!
และล่าสุดกับการไปร้องกกต.ด้วยข้อมูลมั่วๆ จนถูกตอกหน้าหงายกลับมาอีก!!! ด้วยแม่ไม้ บาทาลูบพักตร์ ซึ่งไม่รู้เพราะขาดความรู้ หรือตั้งใจปล่อยเฟคนิวส์ หวังจะเอาคืนเรื่องการถือหุ้นสื่อ ?!?
18 พ.ย.62 ช่อ หรือ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงถึงสื่อเครือเนชั่น ก่อนจะลากลามปามไปถึง มาดามเดียร์ หรือ น.ส.วทันยา วงโอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ
ต่อมาฝั่งมาดามเดียร์ ก็ออกมาชี้แจงด้วยข้อมูล ซึ่งชี้ให้เห็นในสิ่งที่ช่อพูดนั้น ผิดไปจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก จนนำมาซึ่งการจะบอกว่าต้องฟ้องเอาผิดหมิ่นฐานประมาทต่อโฆษกพรรคอนาคตใหม่
19 พ.ย.62 ช่อ ออกมาพูดอีกครั้งหลังฝ่ายมาดามเดียร์ จะฟ้องดำเนินคดีหลังแถลงพาดพิงถึง โดยช่อบอกว่า เป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี แล้วก็ยังอ้างถึงคำยืนยันว่าก่อนแถลงข่าวมั่นใจในข้อมูล ไม่ไร้เดียงสา และรัดกุมพอสมควร
21 พ.ย. 62 น.ส.วทันยา ออกมาเปิดเผยได้มอบอำนาจให้ทนายไปดำเนินการยื่นฟ้อง น.ส.พรรณิการ์ ต่อศาลอาญา ในคดีหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีจากการที่ น.ส.พรรณิการ์ บิดเบือนข้อเท็จจริงของตนเองและคู่สมรส ในประเด็นการถือหุ้นและครอบงำสื่อ
พร้อมยืนยันไม่เคยดำรงตำแหน่งใดๆและไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดังนั้นการที่ น.ส.พรรณิการ์ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่พรรคอนาคตใหม่ จึงเป็นความเท็จ
นอกจากนี้ข้อเท็จจริงตนเองและคู่สมรส ไม่ได้เป็นเจ้าของและเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อใดๆ ตั้งแต่ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นไม่ว่าจะตีความคู่สมรสทั้งทางนิตินัยหรือพฤตินัย ตนเองก็ทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
พร้อมกันนี้ น.ส.วทันยา กล่าวอีกว่า ผู้บริหารไม่สามารถแทรกแซงกองบรรณาธิการได้ สื่อมวลชนทุกคนล้วนมีเสรีภาพทางความคิดและอิสระในการทำงาน พร้อมท้า น.ส.พรรณิการ์ อย่าใช้เอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการหลีกเลี่ยงกระบวนการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล
“ควรมาสู้ด้วยข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรม เพราะถ้ารักจะกล่าวหาผู้อื่นต้องกล้าพิสูจน์ความจริงอย่างมีความรับผิดชอบด้วย” น.ส.วทันยา กล่าว
และอย่างไรก็ตามศาลรับคำฟ้องไว้ทำการไต่สวนมูลฟ้องและนัดไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563
22 พ.ย.62 ช่วงกลางวัน ช่อ ออกมาพูดถึงมาดามเดียร์ว่าเคยถือหุ้นสื่อในเครือเนชั่น แล้วก็เอาไปผูกโยง ต้องเป็นบรรทัดฐานเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสินคดีการถือหุ้น บริษัทวี-ลัค มีเดีย ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยอ้างพิรุธ ไม่ได้มีการโอนหุ้นก่อนที่จะลงรับสมัครเลือกตั้ง ที่โดยปกติแล้วการโอนหุ้นเมื่อโอนเสร็จแล้วจะต้องแจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์
“กรณีของนายธนาธร ต้องใช้ บจ.6 ซึ่งแจ้งล่าช้าหลังประกาศรับสมัครเลือกตั้ง เพียง 1 เดือน แต่กรณีของนางสาววทันยา เป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) ต้องยื่นแบบ บจ. 5 ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยได้ว่าล่าช้าถึง 6 เดือน” ช่อ อ้างข้อสงสัย
ก่อนที่น.ส.พรรณิการ์ ยังระบุอีกว่า ได้ส่งเรื่องข้อร้องเรียนไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตรวจสอบเอาผิดนางสาววทันยา พร้อมขอให้ศาลรัฐธรรมนูญระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนางสาววทันยา เช่นเดียวกับที่ทำกับนายธนาธร และขอให้กกต. ดำเนินการทางอาญาตามมาตรา 151 ที่มีโทษสูงสุดคือจำคุก 10 ปี หรือ ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี
22 พ.ย.62 ตกช่วงกลางคืน น.ส.วทันยา ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงคนบางคนซึ่งคำพูดนี้ดูไม่ต่างไปจากการยกเท้าขึ้นลูบหน้าคู่ต่อสู้ในแม่ไม้มวยไทยบาทาลูบพักตร์อย่างไรก็อย่างนั้นเลยทีเดียว!?!
“ดิฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าได้ขายหุ้นบริษัทสื่อมวลชนทั้งหมดก่อนวันยื่นใบสมัครต่อกกต. และมีเอกสารที่ยืนยันได้ตามกฎหมายครบถ้วน
ส่วนที่ ส.ส.บางท่านไม่เข้าใจว่าการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องไปรายงานใดๆกับกระทรวงพาณิชย์ เพราะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มี “ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์” หรือ”TSD” เป็นนายทะเบียน
ดิฉันและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ยินดีให้อภัยคนที่ไม่รู้ #ไม่รู้ให้ถาม #ผิดเป็นครู” นี่คือคำพูดของมาดามเดียร์ เห็นแล้วหรือไม่ว่า ทำไมบรรดาเซียนมวย และคอการเมืองถึงยกให้เป็นต่อช่อแห่งค่ายสีส้ม
ต้องเรียกว่างานนี้ อยู่ดีๆ ช่อ ก็หาเรื่องให้ตัวเองโดนคดีแจ้งความเท็จกับหมิ่นประมาทอีก เพราะจะเห็นข้อมูล ข้อเท็จจริงแล้วว่า มาดามเดียร์ ขายหุ้น 1.83 ล้านหุ้นไปตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2561 และอีก 2.36 ล้านหุ้นในวันที่ 12 ธ.ค. 2561 ซึ่งมีหลักฐานที่รายงานและรับรองทางกฎหมายกับตลาดหลักทรัพย์หมดแล้ว
https://www.springnews.co.th/economics/401865
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/821263
ประเด็นคือ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ต้องไปรายงานกับกระทรวงพาณิชย์ แต่ต้องแจ้งต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีข้อมูลชัดเจนตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยสามารถเข้าไปดูหลักฐานได้ที่เว็บไซต์คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ที่ค้นหาการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น และเลือกตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. 2561 มาจนถึงปัจจุบันของบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค ก็จะเห็นชัดเจนว่าเขาขายไปแล้ว และมีหลักฐานชัดเจน
https://market.sec.or.th/public/idisc/th/r59
ซึ่งอย่างที่กล่าวไว้แต่ต้นนั่นแหลว่า ด้วยความไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ให้เป็นเฟคนิวส์ เพราะช่อก็ไปยกเอาเอกสารแจ้งรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (บมจ.6) ที่บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค ยื่นต่อกระทรวงพาณิชย์ในเดือน กันยายน 2562 มาอ้าง
“มาดามเดียร์”งานเข้า “ช่อ” ยื่นกกต.ฟันอาญา ยกเคสเทียบธนาธร ถือหุ้นเนชั่นถึงวันลงสมัคร
ทั้งที่หลักฐานการขายหุ้น มีที่ตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ทำการขายหุ้นแล้ว ส่วนเอกสารที่ยื่นต่อกระทรวงพาณิชย์ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แค่ทำตามมาเท่านั้น
เท่านั้นยังไม่พอ!!! เมื่อสื่อผู้อ้างตัวคือคุณภาพของประเทศ???อย่างมติชน ถึงกับรีบตะครุบ พาดหัวโชว์ความเป็นสื่อคุณภาพทันทีว่า มาดามเดียร์งานเข้าเพราะช่อเอาเอกสารมาเปิด ทั้งที่ข้อมูลสุดจะมั่ว และกลายเป็นว่า ช่อต่างหากที่งานเข้า เพราะกรณีนี้หากมาดามเดียร์ จะฟ้องอีกคดี ทางช่อก็ผิดเต็มๆ ???
22 พ.ย. 62 ความฉลาดในการเคลื่อนไหวของช่อไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะพบว่าในวันเดียวกัน ช่อได้ยื่นร้องต่อนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อขอให้ดำเนินการผู้กระทำการเผยแพร่ข่าวเท็จเฟคนิวส์ สร้างข่าวปลอม!!! ในขณะห้วงเวลาไล่เลี่ยกันนี้เป็นช่อคนเดียวกันที่ให้ข้อมูลมั่วเพียงหวังเอาคืนฝ่ายตรงข้าม!?!
กระนั้นในความมั่ว ข่าวปลอม ของคนพรรคสีส้ม พบว่าไม่ได้มีช่อเพียงคนเดียว ซึ่งเรื่องนี้สังคมได้รับทราบกันทั่วไปเกี่ยวกับพฤติกรรม เฟคนิวส์ของระดับแกนนำพรรค!?!
11 มี.ค. 62 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน บก.ปอท. กรณีแชร์ข่าวปลอมพาดพิง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ใช้งบรัฐบาลดื่มกาแฟแก้วละ 12,000 บาท
โดย พล.ท.พงศกร อ้างว่า เห็นโลโก้ของสำนักข่าวกระแสหลักจนเกิดความเชื่อถือ และเห็นมีการแชร์ในกลุ่มทหาร แต่เมื่อตนแชร์ออกไปได้ 3 นาทีก็มีคนเตือน จึงลบและลงข้อความขอโทษในเฟซบุ๊ก และได้ตั้งข้อสังเกตว่า เวลาที่โพสต์ลงไปประมาณ 3 นาที แต่กลับมีคนบันทึกหน้าจอมาแจ้งความเอาผิด
“จึงคิดว่าเป็นขบวนการกลั่นแกล้งทางการเมือง และยังมองอีกว่าการที่ตนโพสต์นั้นไม่ได้หมิ่นประมาทใคร หรือสร้างความกระทบต่อความมั่นคง” นี่คือคำชี้แจงของคนที่แทบไม่น่าเชื่อว่า เคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติมาก่อน???
สุดท้ายนี้อยากจะตั้งข้อสังเกต ชวนให้สงสัยบ้างว่า เป็นพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ ที่พยายามออกมาป่าวประกาศต่อต้านคัดค้านกับเฟคนิวส์ แต่ดูสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำ ทำไมช่างแตกต่างกัน !?! ด่าคนอื่น ว่าคนอื่นสารพัด แต่ไม่เคยสำเหนียกตัวเองบ้างเลยหรือ??? และอยากจะฝากบอกคนบางคนว่า ต้องหัดฉลาดมากกว่านี้ รู้จักหาข้อมูล เรื่องจริงมาพูดบ้าง???ช่วยเห็นใจคนทำคดีจากความฉลาดของตนบ้าง!?!