ถือได้ว่ากำลังเป็นประเด็นที่น่าสนใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือ ในเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ได้มีรายงานว่า เงินเฟ้อยูโรโซนแตะระดับ 9.1%
แม้ว่าเมื่อเทียบกับระดับรายเดือน ราคาผู้บริโภคใน 19 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร จะเพิ่มขึ้น 0.6% แต่เมื่อได้เทียบเป็นรายปีแล้ว เพิ่มขึ้นถึง 9.1% สูงสุดนับตั้งแต่ยูโรก่อตั้งขึ้นในปี 1999
ซึ่งทางด้านของ ยูโรสแตท ได้เปิดเผยชัดเจนว่า 3.95% ของการเปลี่ยนแปลง เป็นผลมาจากราคาพลังงานที่แพงขึ้นกว่าเดิม และ 2.25% มาจากอาหาร แอลกอฮอล์ และบุหรี่
แม้ว่าจะไม่รวมพลังงานและอาหารที่ยังไม่แปรรูป ซึ่งมีความผัดผวนสูง หรือที่ทางด้านของ ธนาคารกลางยุโรปเรียกว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน ราคาผู้บริโภคในยูโรโซนก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 5.5% เนื่องมาจากสินค้าอุตสาหกรรมแพงขึ้น 5.1% ส่วนราคาภาคบริการเพิ่มขึ้น 3.8%
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางด้านของ สำนักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภค พบว่า เพิ่มขึ้น 9.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
แต่ถึงแม้ว่า อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรจะชะลอตัว ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง 6.8% แต่รัฐบาลยังคงต้องต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากปัญหาขาดแคลนพลังงาน เพราะจะส่งผลให้เกิดการผลักดันให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น