หลังจากประชุมสุดยอดSCO พันธมิตรตะวันออกจบหมาดๆ รัสเซียเดินหน้าจุดพลุข่มขวัญตะวันตก ทดสอบขีปนาวุธต่อต้านเรือรบในอาร์กติก ชิดแผ่นดินสหรัฐแถบขั้วโลกเหนือ การฝึกซ้อมระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกทหารในสภาวะที่ยากลำบากรุนแรง ในขณะเดียวกัน ได้ส่งเรือพิฆาตประกบคู่เรือรบจีน จับมือลาดตระเวณน่านน้ำเอเชีย-แปซิฟิกอย่างเป็นปกตินับแต่นี้เป็นต้นไป
สมรภูมิทางทะเลเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง ทั้งการเคลื่อนไหวในฐานทัพของทั้งสองฝ่ายความขัดแย้ง และการติดขีปนาวุธเต็มอัตราศึกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งเดียวที่ไม่มีข่าวสารหลุดรอดคือ การเคลื่อนไหวของเรือดำน้ำที่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสหรัฐและพันธมิตร หรือฝ่ายรัสเซียและพันธมิตร ต่างปฏิบัติการอย่างเงียบเชียบ จะรู้ก็ต่อเมื่อโผล่ให้เห็น เหมือนกรณีเรือดำน้ำล่องหนของรัสเซียโผล่ที่อิตาลีทำตะวันตกหนาว เพราะระบบป้องกันภัยของฝ่ายตะวันตกยังจับไม่ได้
วันที่ ๑๗ ก.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่ากองทัพรัสเซียได้ทดสอบระบบขีปนาวุธต่อต้านเรือรบในสภาวะอาร์กติก เยือกสุดขั้ว
การฝึกยิงด้วยขีปนาวุธต่อต้านโดยเรือแกรนิต (Granit) และโอนิกส์ (Oniks) ได้ดำเนินการในพื้นที่รอบคาบสมุทรชูคอตกา (Chukotka) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัสเซียในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งใกล้กับแผ่นดินสหรัฐขั้วโลก
ตามคำแถลง พบว่าเป็นการฝึกซ้อมเกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์จำนวนหนึ่ง รวมถึงโนโวซีบีร์สค์ เรือชั้นยาเซน-เอ็ม (Yasen-M)ของรัสเซีย ดำลงใต้น้ำแข็งก่อนจะโผล่พ้นทะเลชูคอตกา(Chukotka) และยิงขีปนาวุธ ครั้งนี้กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้เผยแพร่ภาพการเปิดตัวฝึกแบบเรียลไทมส์
รายงานระบุว่า เรือโนโวซีบีร์สค์และเรือดำน้ำรัสเซียลำอื่นๆ ยิงใส่เป้าหมายซ้อมรบ โดยจำลองเรือรบศัตรูจากระยะไกลกว่า ๔๐๐ กม. และโจมตีได้สำเร็จ รายงานระบุ
ว่าการฝึกยังเกี่ยวข้องกับการยิงจากบนทะเลชูคอตกา โดยระบบต่อต้านเรือรบบาสเตียน(Bastion) ตามข้อมูลของกองทัพรัสเซีย ขีปนาวุธดังกล่าวสามารถโจมตีเป้าหมายทางเรือจำลองที่อยู่ห่างออกไป ๓๐๐ กม.ได้สำเร็จ
การทดสอบเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปฏิบัติการอุมคา-๒๐๒๒ (Umka-2022) ที่ดำเนินการในอาร์กติก โดยกองทัพรัสเซียและหน่วยภูมิศาสตร์พลเรือน รัสเซียนจีโอกราฟฟิคัล โซซายตี้(Russian Geographical Society) ร่วมมือกันปฏิบัติภารกิจ แถลงการณ์ระบุ พลเรือเอก Nikolay Yevmenov ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเรือรัสเซีย กำกับการฝึกจากเรือวัดระยะขีปนาวุธมาร์แชล ครีลอฟ(Marshal Krylov)
เจ้าหน้าที่กลาโหมถูกส่งขึ้นไปทางเหนือสุดเพื่อทดสอบว่าระบบอาวุธต่างๆ ซึ่งรวมถึงระบบที่มีอยู่แล้วและยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา จะทำงานได้ดีเพียงใดในสภาวะอาร์กติก ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญพลเรือนกำลังประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปฏิบัติการในภูมิภาคอาร์กติกและศึกษาวิธีการบรรเทาผลกระทบ
เรียกว่าฤดูหนาวที่กำลังมาถึงแม้อากาศจะเย็นสุดขั้ว แต่ปฏิบัติการในสมรภูมิรบทางทะเลอาจรัอนระอุได้ทุกเมื่อ
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของโลก รัสเซียและจีนเปิดตัวการลาดตระเวนร่วมกันในมหาสมุทรแปซิฟิก และจัดการซ้อมรบร่วมครั้งที่สองใกล้ญี่ปุ่น
กระทรวงกลาโหมในมอสโกว์แถลงว่า เรือทหารรัสเซียและจีนกำลังมีส่วนร่วมในการลาดตระเวนร่วมกันในมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นครั้งที่สองภายในปีนี้ มีเรือรบทั้งหมด ๘ ลำเข้าร่วมปฏิบัติการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตรวจสอบเส้นทางเดินเรือ และปกป้องทรัพย์สินทางเศรษฐกิจทางทะเลของทั้งสองประเทศ
การลาดตระเวนร่วมครั้งที่ ๒ ของปีนี้ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศ กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในถ้อยแถลง กองทัพเรือทั้งสองจะดำเนินการประลองยุทธ์ร่วมกัน สร้างการสื่อสาร และดำเนินการฝึกซ้อมต่างๆ ตั้งแต่การยิงปืนด้วยกระสุนจริงที่ใช้งานได้จริงในสถานการณ์สู้รบ ไปจนถึงการขึ้นและลงของเฮลิคอปเตอร์ภาระกิจเร่งด่วน
ตัวแทนจากกองเรือแปซิฟิกของรัสเซียประกอบด้วยเรือรบมาร์แชล ชาโปชนิรอฟ(Marshal Shaposhnikov)และอื่นๆอีก ๓ ลำ (corvettes Sovershenny , GromkyและAldar Tsydenzhapov)และเรือบรรทุกน้ำมันขนาดกลาง เปเชงกา(Pechenga) ด้าน กองทัพเรือกองทัพปลดแอกประชาชน หรือ PLAN ได้ส่งเรือพิฆาตหนานชาง เรือรบหยานเฉิงและเรือเสบียงตงปิงหู(Dongpinghu) เข้าร่วม
ด้านรองผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ บักดาซารอฟ (Deputy commander Aleksandr Bagdasarov) ระบุสวนพื้นที่เคลื่อนไหวส่วนหนึ่งว่าย่านทะเลโอค็อตสค์ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น
ภารกิจทางทะเลร่วมกันเกิดขึ้นหลังจากปฏิบัติการซ้อมรบวอสต็อค-๒๐๒๒ Vostok 2022 ซึ่งเป็นเกมสงครามที่ยาวนานหนึ่งสัปดาห์ในภาคตะวันออกของรัสเซีย (Russian Far East) ซึ่งมีทหารเข้าร่วมมากกว่า ๕๐,๐๐๐นายจาก ๑๓ ประเทศ พล.ต.วลาดิมีร์ โอเมลยาโนวิช ชี้จุดประสงค์ของการซ้อมรบคือ”สร้างกองกำลังผสมที่จะวางแผน และดำเนินการปฏิบัติการทางทหารพิเศษที่มุ่งสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค”