โลกฮือฮา!ไทยเทขายทิ้งสินทรัพย์ตปท.อื้อ-เป็นชาติอาเซียนไม่เป็นหนี้จีน ต่างจากอีก8ปท.หนี้บาน

0

จากที่มีรายงานข่าวเงินสำรองประเทศของไทยมีปริมาณสูง ก่อนที่จะปรากฏข่าวสารว่าลดลงเพราะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง รวมทั้งสถานการณ์ของญี่ปุ่นที่มาสอดคล้องกัน โดยมีสหรัฐอเมริกาเข้ามาเป็นตัวแปรด้วยนั้น

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 เพจ World Update ได้โพสต์ข้อความระบุที่มาจาก nikkei และเพจครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น ซึ่งมีเนื้อหาที่สำคัญถึงเหตุการณ์ในญี่ปุ่นและประเทศไทยว่า

“เมื่อ 77 ปีก่อนช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่น เคยถูกสหรัฐ ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ 2 ลูกใส่พลเรือนที่เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตไปกว่า 200,000 ราย บาดเจ็บ พิการ อีกนับไม่ถ้วน จนต้องลงนามยอมแพ้มหาสงคราม จากนั้นมาสหรัฐ บังคับญี่ปุ่นจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม โดยต้องยอมให้สหรัฐ ตั้งฐานทัพใหญ่บนเกาะโอกินาวา และฐานทัพย่อย อีกหลายแห่ง รวมกำลังทหารอเมริกันประจำการกว่า 50,000 นายมาจนถึงปัจจุบัน

โดยญี่ปุ่นต้องจ่ายค่าคุ้มครองรายปีอีกหลายล้านล้านเยน เป็นเงินเดือน เชื้อเพลิง สาธารณูปโภค สุรา อาหาร ไปจนถึงกระดาษชำระให้ฝ่ายทหารอเมริกันเหล่านั้น พร้อมต้องซื้ออาวุธจากสหรัฐ ปีละกว่า 3.91 ล้านล้านเยน (ราว 1 ล้านล้านบาท) และต้องเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดทุกปีๆ

สหรัฐปล่อยข่าวกรองลวงว่ารัสเซีย และจีน เป็นภัยต่อความมั่นคงของญี่ปุ่นอย่างมาก  ดังนั้นสหรัฐ จึงรับประกันความมั่นคงและรับปากว่าจะมายืนเคียงข้างเสมอรับออร์เดอร์อาวุธไม่จากไปไหน ทำให้ญี่ปุ่นเชื่อสนิทใจจึงยอมเป็นบริวารสหรัฐมาตลอด เมื่อสหรัฐ สั่งให้คว่ำบาตรรัสเซีย ญี่ปุ่นจึงทำตามแต่โดยดี จนขาดแคลนพลังงานน้ำมัน ก๊าซ อาหารทะเล ดันอัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นพุ่งขึ้น เศรษฐกิจหดตัวลง เงินเยนอ่อนค่าลงมากที่สุดรอบเกือบ 30 ปี กว่า 140 เยนต่อดอลลาร์

ล่าสุดวันที่ 15 กันยายน 2022 กระทรวงการคลังญี่ปุ่น แถลงรายงานทางเศรษฐกิจการนำเข้าและส่งออกสินค้าในเดือน ส.ค. พบสิ่งที่น่าตกใจมากว่า ขาดดุลการค้าสูงถึง 2.82 ล้านล้านเยน/เดือน (7.2 แสนล้านบาท) เป็นการขาดดุลการค้ามโหฬารที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แซงหน้าปี 2014 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ต้องนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 49.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน มูลค่ามากถึง 10.9 ล้านล้านเยน เนื่องจากราคาวัตถุดิบพลังงาน และสินค้าอื่นนำเข้าจากรัสเซีย จีน ออสเตรเลีย ฯลฯ สูงขึ้น ท่ามกลางเงินเยนที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องมา 19 เดือนแล้ว

ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 22.1% รวม 8.062 ล้านล้านเยน ทำให้รายได้ติดลบต่ำกว่ารายจ่าย 2.82 ล้านล้านเยน ยิ่งซ้ำเติมหนี้สินสาธารณะญี่ปุ่นที่ล้นพ้นตัวมากที่สุดในโลกที่ราว 253% ของ GDP หรือเป็นหนี้กว่า 1,505 ล้านล้านเยน (385 ล้านล้านบาท)

อัตราหนี้สินสูงมากกว่าศรีลังกาที่ 152% ของ GDP จนต้องประกาศล้มละลายไปแล้ว และขอกู้กองทุน IMF ราว 2,500 ล้านดอลลาร์  ต่างจากไทยที่มีหนี้สินสาธารณะแค่ 58% ของ GDP โดยเงินกู้ 98% เป็นหนี้สินหมุนเวียนกู้จากธนาคารรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลถือหุ้น 51% , พันธบัตร จึงเป็นอัฐยายซื้อขนมยาย เงินทองยังคงหมุนเวียนในประเทศไหลไปเข้ากระเป๋าประชาชนในรูปแบบดอกเบี้ย หมุนเวียนใช้จ่ายสินค้าและวนกลับเข้ารัฐเป็นภาษีอีกที  แต่ถ้าไม่กู้หมุนเวียนบ้างก็จะตกในสภาพ เงินฝืด หนักกว่าเดิมไปอีก ซึ่งไม่มีประเทศใดยอมให้เกิดภาวะนี้ขึ้น

รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นสุด กรกฎาคม 2565 รัฐบาลไทยมีเงินคงคลัง 501,551 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน กุมภาพันธ์ จำนวน 82,963 ล้านบาท  มีทองคำและเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิ 8.85 ล้านล้านบาท  รายงานธนาคารโลก ปี 2564 ไทยมี GDP มูลค่า 18.1 ล้านล้านบาท ขนาดเศรษฐกิจอันดับ 22 ของโลก ปีนี้คาดว่า GDP จะบวกเพิ่ม 3.5%

ปัจจุบันไทยเปลี่ยนสถานะกลับตาลปัตรเป็นเจ้าหนี้กองทุน IMF อีกราว 20,000 ล้านดอลลาร์ และไทยไม่มีหนี้สินกับจีน ต่างจาก 8 ประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่เป็นหนี้จีนสูงต่ำกันลงไปตามแต่ละชาติที่กู้มาลงทุน

สรุป ชาติที่เดินตามสหรัฐคว่ำบาตรรัสเซีย ต่างพากันลงเหวเศรษฐกิจไปตามๆ กัน ส่วนชาติที่วางตัวนิ่งๆ กลับได้ประโยชน์สูงสุดมากกว่า”

อย่างไรก็ตามเมื่อข้อความดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้มีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และส่วนหนึ่งได้กล่าวถึงประเทศไทย ทำให้เพจ World Update ได้เข้ามาตอบคอมเมนต์ด้วย เช่น

“มีข่าวว่าเงินสำรองประเทศเราลดลง”

World Update “จากการตรวจสอบข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ข้อมูลเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ลดลงนี้ ถูกโยกมาเติมเงินคงคลัง เพิ่มขึ้นมูลค่ากว่า 82,000 ล้านบาท เพราะเมื่อใดสินทรัพย์ต่างประเทศเสี่ยงสูงเราจะต้องเทขายทิ้งบ้าง ลดความเสี่ยง เงินที่ขายได้จึงไหลมาเติมเงินคงคลังมากขึ้นในจำนวนสอดคล้องกันครับ”