จากกรณีที่ปรากฏข่าวสารพลเมืองยูเครนอพยพออกจากประเทศจำนวนมาก รวมทั้งมีบางคนคอยสอดแนมแอบส่งข่าวการเคลื่อนไหวของทหารส่งให้ฝ่ายกองทัพรัสเซียด้วยนั้น
ล่าสุดวันนี้ 15 กันยายน 2565 เพจWorld Update ได้นำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครน ซึ่งมีข้อมูลที่สำคัญจากแหล่งที่มาที่โพสต์เปิดเผยไว้ว่า
“ปัจจัยแนวร่วมจากชาวบ้านในพื้นที่สู้รบถ้าชนะใจชาวบ้านได้ก็จะได้เปรียบทางข่าวสารซึ่งสำคัญมากยามศึก แต่ถ้าฝ่ายใด อพยพพลเรือนจำนวนมากหนีก่อน ฝ่ายนั้นแหละกำลังย่ำแย่และเสียหาย
ส่วนกำลังทัพนั้นการโยกย้ายเคลื่อนพลกำลังทหารและอาวุธไปมาก็เป็นเรื่องปกติตามแต่ว่าจะไปเสริมทัพหรือ ขุดบ่อล่อปลาหลอกให้ข้าศึกย่ามใจบุกเข้าพื้นที่ทุ่งสังหาร
สถานการณ์สมรภูมิการรบระหว่าง NATO ยูเครน กับรัสเซียยามนี้ คือ แนวร่วมพลเรือน ยูเครน แทบไม่มีเพราะเคยแต่ใช้พระเดชเผด็จการกับชาวบ้านมาตลอด สงสัยใครเป็นพวกรัสเซียก็ลากไปประหารชีวิตหมู่ ชาวบ้านจึงเป็นสายข่าวให้รัสเซียกันทั้งเมือง เพราะรัสเซียใช้พระคุณมอบอาหาร เงิน ที่อยู่อาศัย สวัสดิการ จึงซื้อใจชาวบ้านไปหมด
พลเรียนอพยพหนี กระทรวงการบูรณาการดินแดนยึดครองชั่วคราวของยูเครน ระบุว่า จำเป็นต้องอพยพประชาชนมากกว่า 73,000 คน ออกจากพื้นที่ทางตะวันออก และทางใต้ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลเรือนราว 50,000 คนถูกอพยพออกจากพื้นที่ยึดครองของกองทัพพันธมิตรรัสเซีย ในแคว้นเคอร์ซอน และซาโปริชเซีย ทางตอนใต้ของยูเครน
และบังคับอพยพอีก 16,000 คนจากแคว้นโดเนตสค์ ทางตะวันออกที่ฝ่ายรัสเซียยังไม่ได้ยึดครองมาถึง และแคว้นคาร์คิฟ ดนีโปเปตตรอฟ ก็มีอพยพออกจากพื้นที่กำกึ่งที่กลายเป็นแนวหน้า ย้ายไปยังดินแดนที่ยูเครนควบคุม
โดยข้อมูลจากสหประชาชาติ มีชาวยูเครนกว่า 5.2 ล้านคน อพยพออกนอกประเทศไปแล้ว ในจำนวนนี้ 36.5% ราว 1.9 ล้านคนอพยพข้ามแดนไปอยู่ในส่วนลึกในดินแดนรัสเซีย
ส่วนที่สื่อตะวันตก และสื่อไทยมาประโคมข่าวต่อว่ายูเครนชนะยึดคืนพื้นที่ทางใต้บ้าง ทางตะวันออกบ้าง แล้วแต่จะสรรหากันรายงานนั้น ก็พิจารณาคิดง่ายๆ ถ้าทหาร NATO ส่วนน้อยเป็นทหารยูเครน ส่วนใหญ่มาจากโปแลนด์ อังกฤษ มากกว่า 50% ของกำลังรบ 25,000 นายทางตะวันออกเป็นปุ๋ยไปแล้ว 4,400 ราย
ทางไต้เป็นปุ๋ยอีก 4,100 ราย ถ้าควบคุมพื้นที่คาร์คิฟ เคอร์ซอน ซาโปริชเซีย ได้จริง กำลังได้เปรียบ จะอพยพพลเรือนหนี 73,000 คนทำไม? ไม่ต้องวิเคราะห์ซับซ้อนอะไรเลย..แม้ล่าสุดนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลล์ แห่งเยอรมนีจะต่อสายด่วนขอเคลียร์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน แห่งรัสเซีย ก็สายไปเสียแล้วได้แห้วไปกินจนจุก”
