จากสถานการณ์ในยูเครน ที่พยายามออกข่าวว่าสามารถเข้ายึดคืนพื้นที่บางส่วนคืนจากกองทัพรัสเซียได้แล้ว ขณะที่มีข้อมูลอีกด้านที่น่าพิจารณาถึงข้อเท็จจริง เพราะมีเรื่องราวที่เปิดเผยออกมาตรงกันข้ามกับสิ่งที่ฝ่ายยูเครนสื่อออกมา!?!
ทั้งนี้โดย เพจWorld Update ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 โดยระบุถึงแหล่งที่มาของข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจบางช่วงว่า
“การศึกสงครามแต่โบราณมานั้น สิ่งที่จะใช้พิจารณาว่าฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ ไม่ใช่อาวุธหรือจำนวนกำลังทหาร แต่มีสิ่งที่สังเกตุง่ายๆ ที่สำคัญที่สุดคือ ปัจจัย พลังงาน
ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจะเหลือพลังงานน้อยกว่าหรือช่วยตัวเองด้านพลังงานไม่ได้ กรณีนี้พิสูจน์ได้จากกองทัพนโปเลียน แห่งฝรั่งเศส ยกทัพทหาร 600,000 นายไปบุกอาณาจักรรัสเซียสมัยนั้น แต่เจอความแสบของรัสเซีย ที่หลอกให้เข้าเมืองมอสโก แล้วปิดล้อมภายนอกเมือง จนทหารทัพนโปเลียนอดอยากหนาวตายเป็นใบไม้ร่วง ป่วยอ่อนแอล่าถอยหนีมาทางโปแลนด์ เลยเจอทหารรัสเซียยำใหญ่ เหลือกลับบ้านแค่ 10% หรือราว 60,000 นายเท่านั้น จนต่อมาถึงกับล่มสลายไป
ต่อมาคือกองทัพเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ลุยยุโรปจนราบหมดทุกชาติแล้ว แต่ดันขาดน้ำมัน จนนายกรัฐมนตรีฮิตเลอร์ ขาดสติสั่งบุกโจมตีเมืองสตาลินกราด และเลนินกราด หวังชิงน้ำมัน จนโดนสหภาพโซเวียตที่น้ำมันเยอะกว่า ถล่มอย่างโหดเหี้ยมจนทหารเยอรมนียอมพ่ายแพ้ถอยทัพหนีทั้ง 2 สมรภูมิท่ามกลางสูญเสียทหารนับล้านคน สุดท้ายอ่อนแอจนยอมแพ้มหาสงครามในที่สุด
ปัจจัยถัดมาคือ ทุนทำสงคราม ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจะทุนหมดก่อน ถังแตก ขอกู้หนี้ยืมสินใครก็ถูกบ่ายเบี่ยง เพราะไม่มีใครรบให้ฟรีต้องจ่ายเงินค่าจ้างยิ่งจ่ายงามเท่าไรทหารก็ฮึกเหิมเท่านั้น
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพบัลแกเรียที่ไม่ได้รับการจ่ายเงินเดือน ถึงกับปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาลที่ไปเลือกข้างเยอรมนี แล้วทหารบัลแกเรีย ก็แปรพักตร์เปิดทางให้กองทัพสหภาพโซเวีย ยกทัพเดินสามขุมเข้ายึดเมืองหลวงได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืน
แม้แต่กองทัพญี่ปุ่น บุกเข้าไทย ตั้งฐานทัพในฝั่งธนบุรี ยังต้องพิมพ์เงินไทยใช้จ่ายเองเพราะไม่งั้นก็จะขาดแคลนเสบียงและสิ่งของจำเป็นใช้ในกองทัพ ดังนั้นฝ่ายใดหมดเงินก่อนอย่าหวังจะชนะ ปัจจัยถัดมาคือ อาวุธ ประสิทธิภาพอาวุธ และจำนวนสต็อคคงคลัง ฝ่ายใดขาดแคลนต้องขอจากที่อื่นอย่าหวังจะชนะ
ฝ่ายยูเครน และ NATO ขาดพลังงานน้ำมันผลิตเองไม่ได้ เพราะยูเครนถูกยึดโรงกลั่นน้ำมันไปแล้ว ต้องขอกู้เงิน NATO ซื้อจากโปแลนด์ ที่ซื้อต่อจากสหรัฐ มาอีกที , ก๊าซยูเครนขอกู้เงินซื้อจากแคนาดา ที่เพิ่งอ้างว่าท่อพัง ระงับส่งมายูเครนเกือบเดือนแล้วเหลือสต็อคก๊าซ 11.5 ล้านตันหรือ 60% ไม่รอดฤดูหนาวแน่นอน , ไฟฟ้า โรงไฟฟ้ายูเครนพังไปแล้ว 5 โรงไฟดับ 50% ของประเทศ แม้แต่ขณะประธานาธิบดีเซเลนกี้ กำลังไลฟ์สดไฟฟ้ายังดับจนจอดำสนิท
เงินทุน ยูเครนไม่มีเงินคงคลังตนเองมานานแล้ว ขาดทุนเดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์ ก็ขอระงับจ่ายหนี้ค้างเก่า 2 ปี หนี้ใหม่ลืมไปได้เลย “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย”
ทหารเกณฑ์ทุกคนไม่ได้เงินเดือน ได้เฉพาะทหารประจำการกับทหารต่างชาติ NATO เท่านั้น ทำให้ทหารเกณฑ์หน่วยต่างๆ ออกมาประกาศขอยุติการรบกันทุกวัน แม้จะถูกทางการยูเครนประหารชีวิตหมู่ผู้ล่าถอยก็ตาม
อาวุธ อันนี้หนักเพราะยูเครน ยังต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ แบมืออาวุธสหรัฐ อังกฤษ NATO ทุกวันใครไม่ให้ก็ถูกด่า ในความเป็นจริงไม่มีใครให้ฟรียูเครนตลอดไปอยู่แล้ว อาวุธที่ขนมาให้ก็คือเงินกู้ล้วนๆ พอหนี้เต็มเพดานก็ถอยหนีกันหมด”