ในที่สุดก็สมความต้องการซ่อนเร้นของญี่ปุ่น ที่ใฝ่ฝันจะฟื้นฟูกองทัพลูกพระอาทิตย์ที่ถูกทำลายลงไป หลังพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ ๒ ตลอดเวลาที่สหรัฐเดินเกมกระตุ้นสงครามในเอเชีย-แปซิฟิก ญี่ปุ่นเดินหน้าขอเป็นกองหน้าต้านจีนและเกาหลีเหนืออย่างเปิดเผย เป็นแกนนำสำคัญที่มีบทบาทเอาการเอางานที่สุดในกลุ่มพันธมิตรควอด (QUAD) ที่ประกอบด้วยสหรัฐ ออสเตรเลีย อินเดียและญี่ปุ่น ระยะเวลาต่อไปนี้เป็นการติดอาวุธ และขยายกองทัพของญี่ปุ่นหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เปิดทางเสร็จสมบูรณ์
วันที่ ๑๔ ก.ย.๒๕๖๕ สถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ เปิดเผยว่าญี่ปุ่นกำลังสร้างเรือรบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นเรือพิฆาตขนาด ๒๐,๐๐๐ ตัน จำนวน ๒ ลำ เหตุผลเพื่อปกป้องญี่ปุ่นจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธจีนและเกาหลีเหนือ
รายงานข่าวของสถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ เผยว่า เรือพิฆาตลำใหม่นี้จะเข้าร่วมกับกองเรือญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนาแสนยานุภาพ รวมถึงเรือดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกและเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ที่สนับสนุนโดยสหรัฐฯ
เรือพิฆาตไร้ชื่อทั้ง ๒ ลำจะปกป้องญี่ปุ่นจากขีปนาวุธนำวิถีของเกาหลีเหนือและจีน พร้อมติดเขี้ยวเล็บขีปนาวุธซึ่งสามารถติดหัวรบเคมี หรือแม้แต่นิวเคลียร์ โดยทั้ง ๒ ลำจะสร้างขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อติดตั้งเครื่องสกัดกั้นขีปนาวุธเอสเอ็ม-๓ และใช้ระบบการต่อสู้ของเอจิส เรดาร์ อันควบคุมระบบอาวุธรวมทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในเรือ ซึ่งเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
เรือแต่ละลำจะมีระวางขับน้ำ๒๐,๐๐๐ ตัน โดยมีความยาว ๖๙๐ ฟุต และกว้าง ๑๓๐ ฟุต ซึ่งเมื่อเทียบขนาดกับเรือรบผิวน้ำที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ คือเรือพิฆาตล่องหนคลาสซัมว้อลท์ (Zumwalt) ยังมีขนาดเล็กกว่าเรือพิฆาตลำใหม่ของญี่ปุ่นนี้ เพราะเรือพิฆาตอเมริกัน มีระวางขับน้ำ ๑๖,๐๐๐ ตัน มีความยาว ๖๑๐ ฟุต และกว้าง ๘๐ ฟุต
ด้วยขนาดและศักยภาพใหม่นี้ เรือของญี่ปุ่นยังข่มเรือลาดตระเวนชั้นไทพ์ ๐๐๕ เรนไฮ (Type ๐๕๕ Renhai) ของจีนได้ด้วย
ในขณะนี้ เรือรบผิวน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือเรือรบลาดตระเวนพโยธ เวลิเคีย( Pyotr Velikiy) ของรัสเซีย ซึ่งประจำการกองเรือนอร์ทเธิร์นฟลีต (Northern Fleet) ของมอสโกว์ มีความยาว ๘๒๗ ฟุต กว้าง ๙๔ ฟุต
สำหรับเรือพิฆาตทั้ง ๒ ลำของญี่ปุ่น มีขนาดใหญ่กว่าปกติด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก เรือลำนี้มีแนวโน้มที่จะบรรทุกเรดาร์ SPY-๖ Air และ Missile Defense Radar (AMDR) ที่ผลิตโดยบริษัทเรธอน (Raytheon) ซึ่งปัจจุบันติดตั้งกับเรือพิฆาตชั้นแอร์ลีกเบิร์ค (Arleigh Burke) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ
ประการที่สอง เรือต้องมีเครื่องสกัดกั้นขีปนาวุธ SM-๓ Block IIA จำนวนมากเพื่อให้การป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ประการที่สาม เรือทั้ง ๒ ลำจะใช้เวลาอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน เพื่อเฝ้ารอตรวจจับภัยคุกคามที่เข้ามา เรือจะต้องมีแหล่งเชื้อเพลิงขนาดใหญ่สำหรับการทำงานขับเคลื่อน ใช้ระบบต่อสู้ และเรดาร์
ในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นค่อยๆ พัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธบนเรือ และได้สร้างเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีจำนวน – ลำ โดยแต่ละลำมีความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธเหมือนกันกับเรือรบชั้น Burke เพื่อรับมือกับขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและจีนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ในช่วงปี ๒๐๑๐ ญี่ปุ่นได้เริ่มขยายกองเรือดำน้ำโจมตี ๑๖ ลำเป็น ๒๒ ลำ ซึ่งรวมถึงเรือดำน้ำชั้น Taigei ที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ลิเธียมใหม่ นอกจากนี้ ยังได้เริ่มแปลง “เรือพิฆาตเฮลิคอปเตอร์” อิซูโมะ และคางะให้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินเต็มรูปแบบ ที่จะใช้งานเครื่องบินขับไล่ เอฟ-๓๕ บี(F-35B) โดยเรือบรรทุกเครื่องบินทั้ง ๒ ลำนี้ จะเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
เรือพิฆาตใหม่ที่มีแผนประจำการนี้ ปฏิบัติภารกิจเรือพิฆาตแบบดั้งเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ ยังมีภารกิจต่อต้านเรือดำน้ำ ต่อต้านทางอากาศ และเรือรบใหม่ ๒ ลำจะเติมเต็มอานุภาพในเรือพิฆาตที่ญี่ปุ่นมีอยู่เพื่อทำภารกิจพิฆาตอีกครั้ง

ความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธจากเรือทั้ง ๒ ลำนั้น เดิมประจำฐานภาคพื้นดินที่มีเทคโนโลยีสูง ที่รู้จักกันในชื่อเอจิส อะชอร์ (Aegis Ashore) แต่การติดตั้งเรดาร์และขีปนาวุธไว้บนบกยังเป็นที่ถกเถียง เมื่อรัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งเรียกร้องให้รัฐบาลกลางวางระบบทั้งหมดไว้ในทะเล
เรือพิฆาตที่ยังไร้นามทั้ง ๒ ลำจะเข้าประจำการกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล และด้วยความใหญ่กว่าและโดดเด่นกว่า จะเปลี่ยนกองกำลังป้องกันตนเอว เป็นกองทัพเรือของญี่ปุ่น ที่เปี่ยมศักยภาพการรบเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตือนเกาหลีเหนือและจีน ญี่ปุ่นต้องขยายศักยภาพกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล เรือพิฆาตใหม่ ๒ ลำจะเป็นเกราะป้องกันภัยคุกคาม ทั้งจากใต้ท้องทะเล บนผิวน้ำ ทางอากาศ และอาจรวมถึงในอวกาศ