ท่ามกลางการจับตากรณีที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จะเดินทางออกนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี โดยจะพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และคาดว่าจะหารือกันเรื่องสงครามในยูเครน ที่รัสเซียต้องการการสนับสนุนจากจีน โดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จะเดินทางไปเยือนคาซัคสถาน และอุซเบกิสถาน ในวันที่ 14-16 กันยายน เพื่อการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ (SCO) และจะได้พบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
นับว่านี่เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของผู้นำจีนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เดินทางเยือนพม่า หลังจากนั้นได้เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 จีนได้ปิดประเทศ และใช้นโยบาย “โควิดเป็นศูนย์”
ก่อนหน้าที่ 2 ผู้นำจะพบกัน นายลี่จ้านซู ประธานสภาประชาชนจีน ได้เดินทางเยือนรัสเซียเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการพบกันของ 2 ผู้นำ เขาได้ยืนยันกับฝ่ายรัสเซียถึงคำกล่าวของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่ว่า “ความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศไม่มีข้อจำกัด”
แม้ว่าที่ผ่านมาสีจิ้นผิงจะสนิทกับปูตินอย่างยิ่ง แต่รัฐบาลจีนไม่เคยสนับสนุนอาวุธหรือความช่วยเหลือโดยตรงในสงครามยูเครน ถือว่ามีจุดยืนระหว่าง 2 ประเทศที่ดีมาก ส่วนทางด้านรัสเซียได้เสริมกำลังอาวุธโดยซื้อเครื่องบินไร้คนขับจากอิหร่าน ส่วนจีนถึงแม้ว่าจะมีความร่วมมือด้านการพัฒนาอาวุธกับรัสเซีย แต่ยังไม่เคยสนับสนุนยุทโธปกรณ์ให้รัสเซียแม้สักครั้งเดียว โดยเรื่องนี้นายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ระบุว่า “ไม่พบว่าจีนกำลังช่วยเหลือรัสเซีย” และคาดหวังจะหารืออย่างจริงจังกับจีนอีกครั้ง
ท่ามกลางการรวมกลุ่มของบรรดาชาติตะวันตก พันธมิตรจีน-รัสเซียจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อสีจิ้นผิง กำลังจะต่ออายุเป็นผู้นำประเทศในการประชุมใหญ่ “สมัชชา 20” เดือนตุลาคม ย่อมต้องการการสนับสนุนในเวทีระหว่างประเทศ ขณะที่ฝ่ายประธานาธิบดีปูติน ต้องการการสนับสนุน “ที่เป็นรูปธรรม” จากจีนเช่นกัน ยิ่งสงครามที่ยืดเยื้อ ย่อมไม่เป็นผลดีกับรัสเซีย และยิ่งไม่เป็นผลดีกับจีน เพราะรัสเซียจะยิ่งเรียกร้องการสนับสนุนจากจีน การพบกันของ 2 ผู้นำครั้งนี้ หากประธานาธิบดีสีจิ้นผิงไม่มี “ของขวัญ” มอบให้ผู้นำรัสเซียเลย ก็อาจกระทบความสัมพันธ์ที่เคยประกาศว่า “ไม่มีข้อจำกัด” จึงทำให้น่าติดตาม พลังของมิตรแท้ 2 ประเทศ ว่าจะช่วยเหลือเพื่อนอย่างไรบ้าง ในการกลับมาพลิกเกมรบยูเครน
อย่างไรก็ตามมีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้หรือ SCO ประกอบด้วยสมาชิก 8 ประเทศ อันได้แก่ จีน รัสเซีย อินเดีย ปากีสถาน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน และอุซเบกิสถาน ถือว่าขนาดเศรษฐกิจของทุกประเทศในองค์การ SCO นี้มีมูลค่าสูงถึง 18.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯหรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของ GDP โลก และจำนวนประชากรประเทศสมาชิกก็คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก และ องค์การนี้กำลังเข้ามามีบทบาท เพื่อมาคานอำนาจ NATO และน่าติดตามต่อว่าการประชุม SCO ที่จะถึงในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ทาง SCO จะแสดงท่าทีต่อสงครามรัสเซียยูเครนอย่างไรบ้าง