จากกรณีที่ก่อนหน้านี้นาโต้ได้ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นสงครามในยูเครน โดยเลขาธิการนาโตเตือนยูเครนระวังล่มสลาย พร้อมแนะยูเครนให้สู้รัสเซียต่อไป มิเช่นนั้น อาจหมดสิ้นการเป็นรัฐอิสระ
ทั้งนี้เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือ NATO กล่าวเตือนยูเครนว่า ยูเครนกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวที่แสนหฤโหด พร้อมเรียกร้องยูเครนให้สู้รบกับรัสเซียต่อไป มิเช่นนั้นยูเครนอาจหมดสิ้นการเป็นรัฐอิสระ สโตลเทนเบิร์ก กล่าวต่อไปว่า ถ้าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และรัสเซียหยุดการสู้รบจะมีสันติภาพเกิดขึ้น แต่ถ้ายูเครนหยุดการสู้รบ ยูเครนจะหมดสิ้นการเป็นรัฐอิสระ
ล่าสุดความเคลื่อนไหวในสนามรบตอนนี้ แม้ว่ารัสเซียจะถอยทัพออกมาจากคาร์คีฟ แต่ดูเหมือนจะเป็นเกมล่อลวงให้ยูเครนตายใจ และสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก ขณะที่กูรูชื่อดัง ที่เชี่ยวชาญในสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้วิเคราะห์มุมมองใหม่ไว้ว่า จากนี้จะเป็นการเปิดหน้าเต็ม ๆ ระหว่างรัสเซียกับนาโต้โดยตรงแล้ว
โดยในเฟซบุ๊ก Thanong Fanclub โพสต์ข้อความบางช่วงบางตอนระบุว่า “ปูตินไม่เกรงใจนาโต้อีกต่อไป ในช่วง2-3วันที่ผ่านมา รัสเซียตัดสินใจถอนทหารออกจากหลายพื้นที่ในแคว้นคาร์คีฟ ที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน หลังจากถูกกองทัพยูเครนตีโต้ รุกกลับเพื่อยึดดินแดนคืน คาร์คีฟไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดอนบาสส์ แต่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย และเป็นพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนรีบออกมาคุยโวว่า กองทัพรัสเซียแตกยับเยินในคาร์คีฟทำให้ฝ่ายเคียฟสามารถยึดคืนพื้นที่กลับมาได้ 2,000 ตารางกิโลเมตร เซเลนสกี้ได้ที เรียกร้องให้ชาติตะวันตกรีบส่งอาวุธ ส่งเงินทองมาให้ยูเครน จะได้รบมีชัยเหนือกองทัพรัสเซีย
ทำไมสถานการณ์สงครามถึงได้แปรผัน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ กองทัพยูเครนโดนถล่มจนต้องเสียดินแดน และสูญเสียทหารไปเป็นจำนวนมาก? รัสเซียแตกทัพที่คาร์คีฟจริงหรือ? ยูเครนเอากองกำลังมาจากไหนถึงสามารถตีโต้กองทัพรัสเซียได้ จนต้องล่าถอยออกจากหลายเมืองที่สำคัญไม่ว่าจะเป็น Balakleya หรือ Izyum โดยยอมทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ข้างหลัง?”
ถ้าหากเราพิจารณาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด จะพบว่าการตีโต้ของกองทัพยูเครนในคาร์คีฟเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่ทหารยูเครนจะพลิกกับมารุกคืบเอาคืนกองทัพรัสเซียได้ เนื่องจากตลอดระยะเวลา 6 เดือนกว่าที่ผ่านมาของสงคราม ส่วนมากแล้วทหารยูเครนเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำมาตลอด เพราะโดนถล่มโดยปืนใหญ่ จรวดและขีปนาวุธที่หลายหลาก รวมทั้งการบอมบ์จากอากาศที่ลงมาเห็นห่าฝน
แม้ว่าสัดส่วนทหารรัสเซียต่อยูเครนคือ 1:3 รัสเซียยังสามารถอยู่ในฐานะได้เปรียบมาตลอดในสงครามรบ ที่สำคัญ รัสเซียยังไม่ได้ส่งกองกำลังหลักเข้ามารบ และไม่ได้ใช้อาวุธไม้เด็ดจริง เนื่องจากไม่ได้มีความรีบร้อนที่จะยึดยูเครนท้ังประเทศ แต่ต้องการชิงพื้นที่ดอนบาส และพื้นที่ทางตอนใต้เพื่อเชื่อมดินแดนกับไครเมียก่อน รวมทั้งปิดทางออกสู่ทะลเของยูเครนก่อน
ยุทธศาสตร์สงครามยูเครนของปูตินคือไม่รีบเร่งเผด็จศึก ต้องลากสงครามยาวไปถึงหน้าหนาว จำกัดการสูญเสียชีวิตของพลเรือน และทรัพย์สิน เนื่องจากต้องการวิกฤติพลังงาน และอาหารย้อนกลับไปทำร้ายยุโรปให้พังพินาศทางเศรษฐกิจ และให้การสนับสนุนเซเลนกีเพื่อฆ่าแกงชาวดอนบาสตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา และให้ยูเครนเป็นด่านหน้าของนาโต้ในการปิดล้อมรัสเซียทางทหาร
ในสงครามยูเครน เลขาธิการของนาโต้ประกาศมาตลอดว่า นาโต้จะไม่ส่งทหารเข้าไปในยูเครนเพื่อช่วยยูเครนรบกับรัสเซีย แต่จะให้การสนับสนุนยูเครนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งยุทธปัจจัยอื่น ๆ เพื่อขับไล่กองทัพรัสเซียออกไปจากดินแดนของยูเครน
ผู้นำของนาโต้ไม่ว่าจะเป็นโจ ไบเดนของสหรัฐฯ โอลาฟ โชลซ์ของเยอรมันนี และบอริส จอห์นสันของอังกฤษ ต่างก็ออกมาแสดงจุดยืนเดียวกันว่า จะไม่ส่งทหารนาโต้เข้าไปในยูเครน มิเช่นนั้นจะเท่ากับว่านาโต้จะทำสงครามกับรัสเซียโดยตรง
ในด้านที่เปิดเผย นาโต้เลือกที่จะทำสงครามตัวแทนในยูเครนมากกว่า ผ่านการให้การสนับสนุนเซเลนกีทางด้านการทหาร ด้านอาวุธ เงินช่วยเหลือ และยุทธปัจจัยในรูปแบบต่างๆ รวมท้ังข่าวกรอง และคำแนะนำในยุทธศาสตร์การรบ แต่ในทางลับ นาโต้มีการส่งทหารระดับนายพล และระดับนายทหารที่ปรึกษา รวมท้ังนักรบรับจ้างเข้าไปในช่วยกองทัพยูเครนรบกับรัสเซีย มีความเป็นไปได้ที่ทหารของนาโต้แอบเข้าไปทำสงครามในยูเครนอย่างลับ ๆ อยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยความจริงในข้อนี้ เท่ากับว่า รัสเซียกำลังรบกับนาโต้โดยตรงแล้ว ไม่ต้องอ้อมแอ้ม หรืออ้อมค้อมกันอีกต่อไป