หลังจากที่สหภาพยุโรปค่อย ๆ ทยอยเจอหายนะจากพลังงานที่ขาดแคลน ล่าสุดฝรั่งเศสได้ออกคำสั่งปิดไฟหอไอเฟลเร็วขึ้น และเตรียมวางแผนลดเที่ยวขบวนรถไฟ เพื่อรับมือวิกฤตขาดแคลนพลังงาน
โดยศาลากลางของกรุงปารีส มีกำหนดแถลงในวันอังคาร ที่ 13 ก.ย. ว่าจะมีการปิดไฟสิ่งปลูกสร้างอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหลวงฝรั่งเศส ตอนเวลา 23.45 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) จากเดิมปิดไฟ 01.00 น.) ตามข้อมูลของบริษัท SETE ผู้ดูแลหอไอเฟลแห่งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานข่าวก่อนหน้านี้ของหนังสือพิมพ์ Journal Du Dimanche
ด้านฌอง ฟรังซัวส์ มาร์ตินส์ ประธาน SETE ระบุในถ้อยแถลงว่า “มันเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อันเด่นชัด มีส่วนร่วมในการเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับความจำเป็นต้องประหยัดพลังงาน”
ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลออกคำสั่งให้ SNCF บริษัททางรถไฟแห่งชาติ พิจารณาความเป็นไปได้ในการลดจำนวนขนวนรถไฟในกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้อ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของบริษัท เปิดเผยว่า “พนักงานของบริษัทรู้สึกช็อกอย่างมากต่อคำสั่งดังกล่าวจากเบื้องบน จริงๆ แล้ว แผนการขนส่งต้องปรับเปลี่ยนตามความต้องการของบรรดาผู้โดยสาร ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น สำหรับ SNCF ซึ่งมีทั้งขบวนรถไฟความเร็วสูงและขบวนรถไฟด่วนชานเมือง บริโภคพลังงานรายปีคิดเป็นสัดส่วน 1-2% ของการบริโภคไฟฟ้ารายปีของฝรั่งเศส ซึ่งมันมากกว่าการบริโภคไฟฟ้าของกรุงปารีสและเมืองมาร์กเซย์รวมกัน
ส่วนทางฝั่งสหรัฐฯ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยระบุว่ าอเมริกันชนอาจต้องเผชิญราคาพลังงานพุ่งทะยานในช่วงฤดูหนาวนี้ ครั้งที่สหภาพยุโรปลดการซื้อน้ำมันรัสเซียลงอย่างมาก พร้อมยืนยันข้อเสนอของตะวันตกเกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำมันส่งออกของรัสเซีย มีเป้าหมายเพื่อควบคุมไม่ให้ราคาพุ่งสูงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ “มันมีความเสี่ยง และเรากำลังทำงานเกี่ยวกับเพดานราคาในความพยายามจัดการกับความเสี่ยง”
มีความเป็นไปได้ที่ราคาพลังงานจะพุ่งสูง มีขึ้นเพราะว่า “อียูจะหยุดซื้อน้ำมันรัสเซียเป็นส่วนใหญ่” และกำหนดมาตรการแบนงานบริการต่างๆ ที่เปิดทางให้รัสเซียส่งออกน้ำมันผ่านเรือบรรทุกน้ำมัน
อย่างไรก็ตามนี่ถือว่าเป็นการเตือนในหลาย ๆ ครั้งจากสหรัฐฯ ว่าจะยังคงทำสงครามหนุนยูเครนต่อไป และให้ประชากรทำใจเรื่องราคาพลังงานที่จะเพิ่มสูงขึ้นในหน้าหนาวนี้แทน