พฤติกรรมธนาธรผิด-ไม่-เป็น!?! อ้างทำเพื่อปชต. แล้วไม่ต้องเคารพกม.หรือ???

0

สร้างความแปลกใจให้กับสังคมและชวนให้ตั้งคำถามเป็นอย่างยิ่งกับพฤติกรรมธนาธร ที่มักพูดพร่ำอ้างประชาธิปไตย แต่ทำไมคนๆนี้ถึงไม่ยอมรับความผิดพลาดที่ตัวเองทำขึ้นมาเอง??? ทั้งที่ศาลได้เปิดโอกาสให้เข้าไปชี้แจงได้อย่างเต็มที่แต่กลับเอาแต่นั่งท่อง!!! ไม่รู้-ไม่ทราบ-จำไม่ได้?!?! แล้วก็มัวแต่ถาม ผมผิดอะไร !?! อยากให้ธนาธรตอบสังคมบ้างว่า การอ้างทำเพื่อประชาธิปไตยนั้นไม่ต้องเคารพกฎหมายด้วยหรือ?!?

 

อ้างว่าทำเพื่อประชาธิปไตย​ แล้วจะไม่ต้องเคารพ​กม.อย่างไรก็ได้หรือ​?

 

พฤติกรรม​ของตัวธนาธร​  ผิด-ไม่-เป็น

 

1.​ ไม่ยอมรับอำนาจศาล​ ไม่ยอมรับกม.

(วาทกรรมตุลาการภิวัฒน์)​

 

1.1​ ก่อนหน้านี้มีการแถลงชี้แจงเป็นเรื่องเป็นราว​ เรื่องหลาน​ 2​ คน, เรื่องนั่งรถกลับมาโอนหุ้น

1.2​ ในศาลให้ชี้แจง​ไม่ชี้แจง​  บอกจำไม่ได้​  บอกว่าศาลตัดสินเป็นคุณจะได้ไปทำblindtrust ต่อ

1.3​ ต่อมามาแถลงปิดคดีเองนอกศาล

1.4​ ศาลตัดสินบอก​ศาลไม่เคยทำธุรกิจ​ ตัดสินจากข้อสันนิฐาน​ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง

(รู้ตัวอยู่แล้วว่า​แพ้​ ใช้เรื่องนี้ตอกย้ำวาทกรรม​ ตุลาการภิวัฒน์​ เพื่อ​ ปลุกระดม​มวลชน(งาน​ อยู่​ ไม่​ เป็น)​ แต่ไม่สำเร็จ​)​

 

2.​ ไม่มองว่าเป็นความผิดของตัวเอง

 

2.1​ มาจากตัวเองเปิดเผยเรื่อง​ ทำ​ Blind​Trust​ จนอิศรา​ไปค้นข้อมูลจนเจอว่ายังมีหุ้นที่ยังไม่ได้โอน​

 

ลำดับไทม์ไลน์

18​ มีนาคม​ 2562″-ธนาธรแถลงว่าเป็นนักการเมืองไทยคนแรกที่ทำ​ Blind​ Trust

 

(1​ วันต่อมา)​

“19  มีนาคม 2562”-ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง  ได้มีคำพิพากษาสั่งให้ถอนชื่อ  นายภูเบศวร์ เห็นหลอด  ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 2 จ.สกลนคร  ออกจากผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากเป็นเจ้าของสื่อ

 

(2​ วันต่อมา)​

21​ มีนาคม​ 2562​ -​บ.วีลัค​ มีเดีย​ แจ้ง​ เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น​ (บอจ.5) ที่กรมธุรกิจการค้า

 

(1​ วันต่อมา)​

“22​ มีนาคม​ 2562”-สำนักข่าว​อิศรา​ ได้ไปตรวจสอบพบและนำเสนอข่าว​ “ธนาธร-เมีย’ โอน บ.วี-ลัค มีเดีย 900,000 หุ้น ให้แม่ ก่อนเลือกตั้ง 3 วัน” (คือวันที่​ 21​ มีนาคม​ 2562)​

 

(1​ วันต่อมา)​

“23​ มีนาคม​ 2562” (เวลาช่วงเย็น)-ธนาธร โพสต์ข้อความและเอกสารการโอนหุ้นชี้แจงถึงกรณีนี้ผ่านทวิตเตอร์ (Twitter) โดยระบุว่า ตนและภรรยาโอนหุ้นไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา คือก่อน​ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง​ 1 เดือน

 

2.2​ กรณีมติชน​ ทำถูกต้องเรียบร้อย​ (แสดงว่า​ รู้เรื่องกม.ข้อนี้ดี)​

 

3.​ โกหก? ใช่หรือไม่​  จากข้อพิรุธ​ (จะส่งผลทางอาญา​ในอนาคต)​

 

3.1​ การไม่เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น​ (บอจ.5)​ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 62​ โดยอ้างว่า​ เลิกจ้างพนักงาน​ไม่มีคนทำ​  ขัดแย้งกับ

 

3.1.1 คำให้การของ ลาวัลย์ จันทร์เกษม ผู้จัดการทั่วไปดูแลสายงานบัญชี บริษัทไทยซัมมิท ที่ระบุว่าสามารถทำได้ถ้ามีคำสั่ง

 

3.1.2  ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จะมีการส่งรายชื่อตาม บอจ.5 ให้กรมธุรกิจการค้าโดยเร็วเป็นปกติทุกครั้ง เช่น ปี 52 จัดส่งบัญชีภายในวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ปี 58 ก็จัดส่งบัญชีภายในวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น

 

3.2​ การนำเช็คของนางสมพร​ 6.7 ล้าน​ ไปขึ้นเงิน​ ตรงกับวันที่ กกต.ส่งคำร้องให้ศาลวินิจฉัย​ 128 วัน​ (จากวันที่อ้างว่าโอนหุ้น​ 8​ ม.ค.​62) ขัดแย้งกับ

 

3.2.1 กฎหมายแพ่งกำหนดให้ผู้ทรงเช็คมีหน้าที่นำเช็คไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้ขึ้นเงินภายใน 1 เดือน​ กรณีเช็คต่างเมืองให้เวลา 3 เดือน

 

3.2.2  ตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปี พบว่า เช็ควงเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป บริษัท วี-ลัค มีเดีย จะเรียกเก็บเงินภายใน 42-45 วัน​ เช็คบางฉบับที่ใช้เวลา 98 วันในการขึ้นเงิน ก็มียอดเงินเพียง 27,000 บาทเท่านั้น

(เช็ค​ 2​ ล้าน​ -​ 45​ วัน)​

(เช็ค​ 27,000​ บาท​ -​ 98​ วัน)​

(เช็ค​ 6.7​ ล้าน​ -​ 128​ วัน???)​

 

3.2.3  ภรรยาธนาธร​ อ้างว่า​ ทนายความนำเช็คต้นฉบับไปใช้ต่อสู้คดี ขัดแย้งกับหนังสือของ กกต. ที่ชี้แจงต่อเลขา กกต. ว่านายธนาธรส่งสำเนาเช็คมาชี้แจงเท่านั้นไม่ได้ส่งเช็คต้นฉบับ

 

3.2.4  ภรรยาธนาธร​ อ้างว่าไม่สะดวกจะนำเช็คไปขึ้นเงิน เพราะต้องดูแลบุตรซึ่งเป็นเด็กทารก​  ​แต่​ เช็คขีดคร่อมโอนไปยังบุคคลอื่นไม่ได้ สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนได้เพราะนางรวิพรรณก็ไม่มีชื่อเป็นผู้รับเงินตามเช็ค จึงไม่ต้องรอเวลาถึง 4 เดือนเศษ

 

3.3​ นางสมพรโอนหุ้นไปให้​นายทวี จรุงสถิตพงศ์ (หลาน) และโอนหุ้นคืน​ ไม่มีค่าตอบแทน​ โดยอ้างความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ย้อนแย้งจากการโอนหุ้นระหว่างนางสมพร กับนายธนาธร​ (เป็นมารดากับบุตร)​ แต่กลับมีค่าตอบแทน​

 

3.4​ นางสมพรเบิกความว่านายทวี ศึกษาแล้วต้องใช้เงินลงทุนอีกหลายล้านบาท จึงมีความประสงค์ปิดบริษัทและโอนหุ้นกลับคืนไปยังนางสมพร ข้อเท็จจริงส่วนนี้ย่อมขัดกับปกติวิสัยกับนักลงทุนทั่วไปที่ประสงค์จะฟื้นฟูบริษัท ต้องใช้ระยะเวลาศึกษาสมควร และลงมือตามแผนธุรกิจเสียก่อน

 

3.5​  นายธนาธรอ้างว่าบริษัทมียอดหนี้และสิทธิเรียกร้องประมาณ 11 ล้านบาท แต่งบการเงินรอบปี 2561 มีลูกหนี้เพียง 2.7 ล้านบาทเศษ จำนวนเงินดังกล่าวไม่ตรงกัน

 

3.6​  แม้จะมีการเดินทางกลับมากรุงเทพฯจริงในวันที่​ 8 ม.ค.62 แต่ไม่ได้หมายความว่ามีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ในวันดังกล่าวจริง

 

เมื่อพิจารณาจากเอกสารหลักฐานต่างๆแล้ว เห็นว่าล้วนเป็นการกล่าวอ้างเพียงให้เจือสมกับหลักฐานที่ปรากฏตาม บอจ.5 ที่โอนหุ้นกลับคืนจากนายทวี​

 

จะเป็นบรรทัดฐาน​ สำหรับการพิจารณาคดีอาญาต่อเนื่องภายใน​ 6​ เดือน​

 

อ้างว่าทำเพื่อประชาธิปไตย​ แล้วจะไม่เคารพ​กม.อย่างไรก็ได้หรือ​?