ปูตินประกาศกร้าว รัสเซียได้เปรียบในสงครามยูเครน ถึงเวลาเขี่ยตะวันตกทิ้ง ดันเอเชีย-แปซิฟิกผงาดแทนที่

0

หลังจากที่ราคาก๊าซในยุโรปพุ่งทะยานเกือบ 30% ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 ก.ย. โดยตัวเลขนี้อาจเทียบเป็น 400% ทีเดียวเมื่อเทียบกับราคาในปีที่แล้ว หลังจากรัสเซียประกาศว่า หนึ่งในสายท่อส่งก๊าซหลักไปยังยุโรปจะปิดชนิดไม่มีกำหนด และถือเป็นการจุดชนวนความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับการขาดแคลนและจะต้องมีการปันส่วนก๊าซในประเทศอียูในฤดูหนาวที่ใกล้มาถึงนี้

ต่อมาก็มีรายงานว่า มอสโกจะตอบโต้มาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย ด้วยการส่งออกอุปทานไปยังเอเซียมากขึ้น และทำให้ไทย รวมทั้งหลายชาติในเอเชีย กลุ่มอาเซียน ได้รับอานิสงค์นี้ด้วย โดยรัสเซียจะขายน้ำมันในราคามิตรภาพด้วย

ล่าสุดมีรายงานอีกเช่นกันว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แถลงต่อที่ประชุมเศรษฐกิจภูมิภาคตะวันออก (อีอีเอฟ) ครั้งที่ 7 ที่เมืองวลาดิวอสตอค ริมชายฝั่งทางตอนใต้ของรัสเซีย มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์โลกในหลายประเด็น และยังกล่าวถึงประเทศพันธมิตรในเอเชียหลายหัวข้อ

ซึ่งเจ้าตัวกล่าวเกี่ยวกับสงครามในยูเครน ว่า “รัสเซียไม่ได้สูญเสีย” จวบจนถึงตอนนี้ ที่มีการเผชิญหน้ากับสหรัฐ จากกรณีเกี่ยวกับยูเครน แต่ในทางกลับกัน รัฐบาลมอสโก “เป็นฝ่ายได้” ด้วยการกำหนดแนวทางใหม่เพื่อฟื้นฟูระเบียบปฏิบัติของโลก และกล่าวต่อไปว่า “ความพยายามใดก็ตาม” ที่เป็นการเคลื่อนไหว “โดยไม่จำเป็นและอันตราย” เพื่อขัดขวางรัสเซียจากการบรรลุเป้าหมายในยูเครน “จะไม่มีทางสำเร็จ”

อย่างไรก็ตาม ปูตินยอมรับว่า สงครามที่ยังคงยืดเยื้อส่งผลให้การแบ่งแยกทั้งในระดับระหว่างประเทศ และภายในรัสเซีย “มีความชัดเจนยิ่งขึ้น” แต่รัฐบาลมอสโกไม่ได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศมาตราใดในการตัดสินใจเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เนื่องจากรัฐบาลเคียฟหลังการปฏิวัติ เมื่อปี 2557 “ไม่ถือเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรม”

ขณะเดียวกัน ปูตินได้กล่าวทิ้งท้ายถึงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและพันธมิตรที่มีต่อรัสเซีย อันเนื่องมาจากสงครามในยูเครน ว่ากำลังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลก แทนที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สหรัฐและพันธมิตรพยายามยัดเยียดแนวคิดของตัวเองให้แก่ชาวโลก สวนทางกับอำนาจและอิทธิพลของตัวเองที่เสื่อมถอยลงทุกขณะ และกล่าวถึงภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ