คนไทยได้เฮ!! ครม.ไฟเขียวอุ้มค่า FT กู้ ๘.๕ หมื่นล้านบาทเสริมสภาพคล่องกฟผ. ลดภาระปชช.ทันบิลล์ก.ย.นี้

0

ครม. เห็นชอบเงินกู้ กฟผ. วงเงินไม่เกิน ๘๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยคลังค้ำประกันเพื่อบริหารภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (FT) ตามนโยบายของรัฐบาลประจำปีงบประมาณ๒๕๖๖ ในการชะลอหรือตรึงค่า Ft เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน พร้อมชงมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า เข้าครม. ๑๓ ก.ย.นี้ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพครัวเรือนเปราะบาง

วันที่ ๖ ก.ย.๒๕๖๕ นายอนุชา บูรพชัยศรี  รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)  กู้เงินเพื่อบริหารภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ตามนโยบายของรัฐบาลประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ วงเงินไม่เกิน ๘๕,๐๐๐ ล้านบาท  โดยให้ กฟผ.สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น เพื่อให้เกิดความเหมาะสมตามสภาพคล่องและสภาวะตลาดเงินในขณะนั้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการภาระหนี้  โอกาสนี้ คณะรัฐมนตรียังรับทราบผลการบริหารอัตราค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ของ กฟผ. ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ ๔/ ๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๕

รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ราคาพลังงานปัจจุบัน  ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ กฟผ. ยังคงต้องรับภาระอัตราค่า (Ft) ที่เพิ่มขึ้น โดยชะลอการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงงวดตั้งแต่เดือนกันยายน- ธันวาคม ๒๕๖๕ (งวดปัจจุบัน)   จากราคาพลังงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ผลักภาระเป็นค่าใช้จ่ายของประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล ในการช่วยเหลือลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น 

ประกอบกับ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลอัตราค่าบริการพลังงานไฟฟ้าตามนโยบายภาครัฐได้มอบหมายให้ กฟผ. ช่วยรับภาระอัตราค่า (Ft) ที่เพิ่มขึ้น ชะลอการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่งวดเดือนกันยายน- ธันวาคม ๒๕๖๔ จนถึงงวดเดือนพฤษภาคม- สิงหาคม ๒๕๖๕ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๘๗,๘๔๙ ล้านบาท (ค่าประมาณการ ณ มีนาคม ๒๕๖๕)  ที่จะเรียกเก็บกับประชาชนในระยะนี้เลื่อนออกไปก่อน ส่งผลให้ กฟผ. ต้องรับภาระอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ทำให้สภาพคล่องทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่อง  โดยมีการประมาณการกระแสเงินสดของ กฟผ. ว่า จะขาดเงินสูงสุดในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๖  จำนวนเงินประมาณ ๗๔,๐๐๐ ล้านบาท 

จึงมีความจำเป็นกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติมจะปีงบประมาณ ๒๕๖๖ เพื่อบริหารภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกิน ๘๔,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย สัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan)  กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม(Call Loan)  ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการค้ำประกันการชำระหนี้ของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินของภาครัฐ

ทั้งนี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ รับทราบผลการบริหารอัตราค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ของ กฟผ. ซึ่งจะช่วยรับภาระค่า Ftที่เพิ่มขึ้นชะลอการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงที่สูงขึ้น มาเรียกเก็บกับประชาชนระยะนี้ไว้ก่อน เพื่อช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ และ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕ ด้วย

สำหรับการช่วยเหลือเรื่องของค่าไฟฟ้านั้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยืนยันว่าจะช่วยเหลือทันในรอบบิลค่าไฟเดือนกันยายน ๒๕๖๕ แน่นอน ซึ่งแนวทางช่วยเหลือจะเป็นไปตามมติ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยแบ่งการช่วยเหลือออกเป็น ๒ กรณี ดังนี้

๑. ช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน ๓๐๐ หน่วยต่อเดือน โดยการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน ๙๒.๐๔ สตางค์ต่อหน่วย ตั้งแต่เดือนก.ย.– ธ.ค. ๒๕๖๕ (ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นค่า FTเดือน พ.ค.-ส.ค. จำนวน ๒๓.๓๘ สตางค์ต่อหน่วย และส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า FT เดือนก.ย.–ธ.ค.จำนวน ๖๘.๖๖ สตางค์ต่อหน่วย) 

๒. ช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง ๓๐๑-๕๐๐ หน่วยต่อเดือน โดยการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า FT เดือนก.ย.–ธ.ค. ๒๕๖๕ แบบขั้นบันได ในอัตรา ๑๕ -๗๕%

ขณะเดียวกันยังมีมาตรการคู่ขนาน คือ การส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา (โซลาร์รูฟทอป) หลังจากประชาชนหลายคนให้ความสนใจ ล่าสุดกระทรวงพลังงานได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คาดว่า จะปลดล็อกกฎระเบียบต่าง ๆ ให้อนุมัติรวดเร็วขึ้น 

“ทุกหน่วยงานจะร่วมกันเพื่อทำให้กระบวนการต่าง ๆ ในการอนุมัติรวดเร็วขึ้น ทั้งภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งตอนนี้ภาคอุตสาหกรรมไปได้เร็วกว่า และเริ่มดำเนินการไปแล้ว แต่ภาคครัวเรือนจะพยายามทำให้เร็วขึ้น เพื่อเป้นอีกหนึ่งทางเลือกในการบรรเทาผลกระทบค่าใช้จ่ายครัวเรือนที่มีศักยภาพที่จะลงทุนโซลาร์รูฟทอปได้”