ยังคงเป็นประเด็นที่มีความตึงเครียดต่อกันอย่างมาก ระหว่างจีนกับไต้หวันที่เพิ่งมีประเด็นเดือด เรื่องการยิงโดรนไปก่อนหน้านี้ และมีเรื่องอาวุธจากสหรัฐฯเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อนุมัติโครงการจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยจะรวมถึงขีปนาวุธต่อต้านเรือ 60 ลูก และขีปนาวุธชนิดยิงจากอากาศสู่อากาศอีก 100 ลูก ขณะที่จีนแสดงความไม่พอใจและขู่ใช้มาตรการตอบโต้
โดยในวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ไต้หวันได้ยิงเตือนใส่โดรนของจีน ซึ่งบินส่งเสียงกระหึ่มบริเวณเกาะไต้หวัน และทำให้ “ไช่ อิงเหวิน” ประธานาธิบดีไต้หวัน กล่าวว่า เธอได้สั่งการให้ทหารไต้หวันใช้มาตรการที่รุนแรงที่สุดเพื่อต่อต้านสิ่งที่เธอเรียกว่าเป็นการยั่วยุของจีน
ล่าสุดจ้าว ลี่เจี้ยน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ DPP ของรัฐบาลไต้หวัน พยายามกระตุ้นสถานการณ์ตึงเครียด หลังกองทัพไต้หวันยิงโดรนลำหนึ่งของพลเรือน ไม่ทราบฝ่าย ตกใกล้ชายฝั่งจีนเมื่อไม่นานนี้
ไต้หวันยิงโดรนดังกล่าวตก เนื่องจากโดรนบินเข้ามาในเกาะควบคุมของไต้หวัน นอกชายฝั่งจีนเมื่อวันพฤหัสบดี นายกรัฐมนตรีซู เจิง-ชาง ของไต้หวัน ระบุว่า การยิงโดรนร่วงเป็นเรื่องสำคัญมาก หลังยิงเตือนไปหลายรอบ พร้อมเรียกร้องให้จีนอดทนอดกลั้น อย่างไรก็ตาม ทั้งไต้หวันและจีน ไม่เคยระบุว่า โดรนที่ถูกยิงร่วงเป็นของจีน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงกลาโหมไต้หวันแจ้งว่า ได้ย้ายปืนต่อต้านโดรนไปประจำการนอกเกาะจินเหมินและเกาะมัตสึ หลังเกิดเหตุโดรนหลายลำบินเข้ามา และเชื่อว่ามาจากจีน
ทั้งนี้ ไต้หวันพบเห็นโดรนพลเรือนหลายลำ เหนือหมู่เกาะของไต้หวันที่อยู่ติดชายฝั่งมณฑลฝูเจี้ยนของจีน เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งโดรนหนึ่งในนั้น ได้ถูกยิงตกเหนือทะเลในเกาะจินเหมิน หลังไม่สนใจคำเตือนของกองทัพไต้หวัน
การปรากฏของโดรน เป็นอีกหนึ่งสัญญาณจากจีน ที่จะตอบโต้ไต้หวัน นอกเหนือจากการซ้อมรบครั้งใหญ่ และเกือบทุกวัน ที่เครื่องบินรบจีนรุกล้ำเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว CNA รายงานว่า ทหารไต้หวันที่ประจำการอยู่ในหมู่เกาะจินเหมิน ห่างจากชายฝั่งจีนราว 10 กิโลเมตร ได้ออกไล่ล่าโดรนพลเรือนจีนอีกครั้งด้วย ทำให้จีนต้องพิจารณามาตรการที่จะตอบโต้กลับอย่างทันถ่วงที และมองว่าไต้หวันกำลังยั่วยุให้จีนต้องใช้มาตรการเดือดด้วย