สุดอึ้ง! ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตชิปไต้หวัน ควัก 1.1 พันล้านบาทสร้างกองกำลังติดอาวุธสู้จีน จับตาสีจิ้นผิง สั่งสอนย้อนเอาคืน
จากกรณีเมื่อสำนักข่าว Taipei Times ได้รายงานเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ว่า นายโรเบิร์ต เซา จากบริษัทผู้ผลิตชิปรายย่อย United Microelectronics Corp. ให้คำมั่นว่าจะบริจาคเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (100.17 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อช่วยไต้หวันเสริมการป้องกันในขณะที่จีนเปิดตัวการฝึกซ้อมทางทหารอย่างเข้มข้นทั่วไต้หวัน โดย เซา ซึ่งสละสัญชาติสาธารณรัฐจีน (ROC) เพื่ออพยพไปสิงคโปร์ในปี 2554 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความผิดหวังที่รัฐบาลจำกัดความสามารถของ UMC ในการลงทุนในประเทศจีน เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้กลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ปักกิ่ง
ล่าสุด เน็กซ์ ชาร์ก (Next Shark) สื่อสหรัฐฯ รายงานวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า โรเบิร์ต เซา มหาเศรษฐีชื่อดังของไต้หวันวัย 75 ปีที่สร้างฐานะมาจากเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครชิป ยูไนเต็ด ไมโครอิเล็คทรอนิคส์ คอร์ป UMC (United Microelectronics Corp) กล่าวผ่านงานแถลงข่าวโดยเรียกเสียงฮือฮาไปทั่ว เมื่อเซาปรากฎตัวในชุดเกราะกันกระสุนและหมวกแข็งประกาศพร้อมใช้เงินส่วนตัว 32 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกองทัพพลเรือนติดอาวุธเพื่อปกป้องการรุกรานจากจีน
เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการจากรัฐบาลไต้หวันที่ใช้คำสั่งตอบโต้อย่างเฉียบขาดต่อการยั่วยุของปักกิ่งซึ่งล่าสุดไทเปได้ยิงขับไล่โดรนที่ถูกส่งเข้ามา
ขณะที่ เอพีรายงานว่า กองทัพไต้หวันแถลงยืนยันสามารถยิงโดรนที่ส่งออกมาตกนอกชายฝั่งจีน ชี้ว่าเป็นโดรนที่ใช้ในกิจการพลเรือน โดยเป็นการยิงพลุไปนัดแรกและต่อมาเป็นการยิงเตือนในเวลาต่อมาแต่โดรนยังคงบินมุ่งหน้ามาทำให้ฝ่ายกองทัพไทเปตัดสินใจยิงตก
ในงานแถลงข่าวเสากล่าวว่า เขามีเป้าหมายต้องการฝึกพลเรือนไต้หวัน 3 ล้านคนเพื่อให้กลายเป็นกองกำลังที่มีความสามารถในการใช้อาวุธเพื่อปกป้องมาตุภูมิให้สำเร็จภายใน 3 ปี ทั้งนี้เขาจะร่วมมือกับองค์กรปกป้องพลเรือนไต้หวันและใช้ 60% ของจำนวนเงินทั้งหมดสำหรับสร้างกองทัพนักรบผู้กล้าและอีก 40% สำหรับการฝึกซ้อมอาวุธ
“หากว่าพวกเราประสบความสำเร็จสามารถต้านทานต่อความทะเยอทะยานของของจีนได้ พวกเราจะไม่เพียงแต่สามารถปกป้องประเทศบ้านเกิดของตัวเองไว้ได้แต่ยังสร้างคุณูปการต่อสถานการณ์โลกและการพัฒนาของอารยธรรม” เซาอธิบาย
แต่อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้หลังจากที่เขาปรากฎตัวในงานแถลงข่าว บริษัทไมโครชิป UMC ออกแถลงการณ์ว่า การกระทำของเขานั้นไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด
สื่ออังกฤษชี้ว่า คูมา อคาเดมี (Kuma Academy) ถูกก่อตั้งเมื่อปี 2011 ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นสูงจากประชาชนชาวไต้หวันที่ต้องการจะได้รับการฝึกซ้อมในรูปแบบการต่อสู้แบบนักรบกองโจร การป้องกันตนเอง และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และในเดือนสิงหาคมพบว่าทางศูนย์ได้เริ่มโครงการระดมทุนและได้รับการติดต่อจากเสา ซึ่งในแถลงการณ์ของทางศูนย์ระบุว่า เป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยานและความท้าทายนั้นยิ่งใหญ่แต่ทว่าไต้หวันไม่มีเวลาที่จะลังเลใจ
มหาเศรษฐีไต้หวันผู้นี้ เมื่อไม่นานมาประกาศสละสัญชาติสิงคโปร์ และหันกลับมาใช้สัญชาติไต้หวันอีกครั้งหลังเคยลาออกไปเมื่อปี 2011 เพื่อประท้วงการตรวจสอบรัฐบาลในบริษัทของเขาสำหรับการสอบสวนของจีน โดยภายในงานแถลงข่าวได้มีการแสดงภาพบัตรประจำตัวที่มีขนาดใหญ่ของเขาเป็นหลักฐาน
เซาในอดีตเคยเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันในการที่ไต้หวันจะกลับร่วมมาอยู่กับจีนอีกครั้งแต่ทว่า การเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของฮ่องกงปี 2019 และการกวาดล้างอย่างหนักจากปักกิ่งต่อฮ่องกงในเวลาต่อมาทำให้เขาเปลี่ยนความคิด มหาเศรษฐีไต้หวันวัย 75 ปีกล่าวว่า “ไต้หวันไม่สมควรที่จะเป็นฮ่องกง 2 ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับสัญชาติไต้หวันกลับคืนอีกครั้งและพร้อมที่จะยืนเคียงข้างกับพี่น้องประชาชนเพื่อนร่วมชาติเพื่อต่อสู้ต่อการรุกรานจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนและป้องกันไต้หวัน ทำให้ไต้หวันเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพและบ้านแห่งผู้กล้า”