สหรัฐหมดท่า! รัสเซียโกยเดือนละกว่า ๑ พันล้าน$ส่งออกไปเมกา ไบเดนสั่งแบนแต่ธุรกิจสั่งซื้อกว่า ๓,๖๐๐ รายการ

0

บทพิสูจน์มหาอำนาจเก่าสหรัฐวันนี้ เสื่อมทรุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหวังทำลายเศรษฐกิจรัสเซียให้ย่อยยับ ด้วยการคว่ำบาตรสาหัส ๗ รอบ แต่บูมเมอแรงวกกลับทำให้สหรัฐและบริวารเดี้ยงกันแถว เศรษฐกิจรัสเซียกลับยืนผงาดตอบโต้ทุกมาตรการคว่ำบาตรได้อย่างสะเด็ดน้ำ 

ปธน. โจ ไบเดนประกาศว่าจะ “สร้างความเจ็บปวด” ต่อรัสเซียด้วยการคว่ำบาตรสินค้าพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น วอดก้า เพชร และน้ำมันเบนซิน หลังจากรัสเซียเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนเมื่อ ๖ เดือนก่อน แต่สินค้าอื่นๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตอีกหลายร้อยประเภทซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ  รวมถึงสินค้าที่พบในเรือที่มุ่งหน้าสู่บัลติมอร์จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย ยังคงไหลเข้าสู่ท่าเรือของสหรัฐฯทุกวันจนถึงปัจจุบัน

ภาพสะท้อนอย่างนี้หมายความว่าอะไร?  การบ่อนทำลายเศรษฐกิจรัสเซียด้วยมาตรการคว่ำบาตร ๗ รอบล้มเหลว วันนี้เศรษฐกิจของรัสเซียสามารถยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งโดยรายได้จากสินค้าพลังงานและโภคภัณฑ์ไม่หยุดหย่อน ส่งผลให้ได้ดุลการค้าดีกว่าก่อนถูกคว่ำบาตรเสียอีก ที่น่าฉงนคือการค้ากับสหรัฐยังสร้างรายได้ให้รัสเซีย ๖ เดือนกว่า ๑ หมื่นล้านดอลลาร์ และได้ดุลการค้าเหนือสหรัฐราว ๙,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย

วันที่ ๒๘ ส.ค.๒๕๖๕ แอสโซซิเอตเต็ทเพรส และสำนักข่าวAP รายงานว่า การขนส่งไม้ โลหะ ยาง และสินค้าอื่นๆ กว่า ๓,๖๐๐ รายการ ได้มาถึงท่าเรือของอเมริกาจากรัสเซียตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 

“นั่นเป็นการลดลงอย่างมากจากช่วงเวลาเดียวกันในปี ๒๕๖๔ เมื่อมีการจัดส่งประมาณ ๖,๐๐๐ รายการ แต่ก็ยังเพิ่มมูลค่าการค้าได้มากกว่า๑ พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้สินค้าของรัสเซียยังส่งมาถึงท่าเรือของสหรัฐฯ เกือบทุกวัน

นอกจากนี้ยังรายงานยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า“การห้ามนำเข้าสินค้าบางรายการน่าจะส่งผลเสียต่อภาคส่วนเหล่านั้นในสหรัฐฯ มากกว่าในรัสเซีย”  ผู้นำเข้าของสหรัฐบางรายได้รับวัสดุทดแทนจากที่อื่น แต่อีกหลายแห่งไม่มีทางเลือกดังกล่าวทำให้ต้องหยุดดำเนินการผลิตไป

ตามรายงานระบุว่า “รายการสินค้าที่จัดส่งนั้นถูกกฎหมายอย่างชัดเจน และแม้กระทั่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารของ ปธน.ไบเดนด้วย” 

อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี แหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกจากท่าเรือรัสเซียอาจเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะ ตัวอย่างเช่น บริษัทพลังงานของสหรัฐฯ ยังคงนำเข้าน้ำมันจากคาซัคสถานผ่านทางท่าเรือของรัสเซีย แม้น้ำมันนั้นจะถูกผสมกับเชื้อเพลิงรัสเซียที่ถูกสั่งห้ามก็ตาม

จาคอบ เนลล์(Jacob Nell) นักเศรษฐศาสตร์ของ Morgan Stanleyกล่าวว่า “รัสเซียเป็นผู้ส่งออกโลหะรายใหญ่ เช่น อลูมิเนียม เหล็ก และไททาเนียม  การตัดการค้าดังกล่าวอาจผลักดันราคาให้สูงขึ้นอย่างมากสำหรับชาวอเมริกันที่ต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังไม่อาจคาดเดาว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อไร

“แนวคิดพื้นฐานของการคว่ำบาตรคือ คุณกำลังพยายามทำในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในอีกด้านหนึ่ง และทำให้ตัวเองเจ็บปวดน้อยลง”เขากล่าว

เอกอัครราชทูต จิม โอไบรอัน หัวหน้าสำนักงานประสานงานการคว่ำบาตรของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ(Ambassador Jim O’Brien, who heads the State Department’s Office of Sanctions Coordination) กล่าวว่า “เมื่อเรากำหนดมาตรการคว่ำบาตร มันสามารถขัดขวางการค้าโลก ดังนั้นงานของเราคือคิดว่าการคว่ำบาตรใดส่งผลกระทบมากที่สุด ในขณะที่ยังอนุญาตให้การค้าโลกทำงานต่อไปได้” 

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเศรษฐกิจโลกมีความเกี่ยวพันกันมากจนการคว่ำบาตรต้องจำกัดขอบเขต เพื่อหลีกเลี่ยงการผลักดันราคาในตลาดที่ไม่มั่นคงอยู่แล้ว นอกจากนี้ การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ไม่ได้ทำให้เกิดสุญญากาศ เหมือนการแบนของสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ทำให้เกิดกฎการค้าที่ซับซ้อนซึ่งอาจทำให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย และผู้กำหนดนโยบายสับสน 

ตัวอย่างเช่น ฝ่ายบริหารของไบเดนและสหภาพยุโรปได้เปิดเผยรายชื่อบริษัทรัสเซียที่ไม่สามารถรับการส่งออกได้ แต่อย่างน้อยหนึ่งในบริษัทเหล่านั้น ซึ่งจัดหาโลหะให้กับกองทัพรัสเซีย เพื่อผลิตเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด ยังคงขายได้หลายล้านเหรียญให้กับบริษัทอเมริกันและยุโรปแทน ก็ไม่กระทบห่วงโซ่การค้า

ในขณะที่ผู้นำเข้าของสหรัฐฯ บางรายกำลังจัดหาวัสดุทดแทนจากที่อื่น คนอื่นๆ บอกว่าพวกเขาไม่มีทางเลือก ในกรณีของการนำเข้าไม้ ป่าไม้เบิร์ชที่หนาแน่นของรัสเซีย ซึ่งเป็นไม้ที่แข็งและแข็งแรงซึ่งนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ห้องเรียนไม้ของอเมริกาส่วนใหญ่และพื้นที่อยู่อาศัยจำนวนมาก  การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ของรัสเซีย รองเท้ายกน้ำหนัก อุปกรณ์ขุดคริปโต (crypto) แม้แต่หมอนและอื่นๆ สหรัฐก็ยังต้องสั่งซื้อและมาส่งถึงท่าเรือสหรัฐเกือบทุกวัน

ดูเหมือนว่าการคว่ำบาตรอาจถือเป็นน้ำหนักเชิงสัญลักษณ์ ที่มากกว่าความเสียหายทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้จริง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ตกเป็นเหยื่อของนโยบายกระตุ้นสงครามของผู้นำประเทศ แต่เวลานี้วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากการคว่ำบาตรรัสเซียได้ลุกลามไปถึงชีวิตของประชาชนทั้งในสหรัฐ-ยุโรปและทั่วโลกแล้ว ถามว่าเมื่อไหร่จะจบสิ้น เป็นเรื่องที่สุดจะคาดเดา จนกว่าจะรู้ผลชัยชนะ ท่ามกลางการต่อสู้เดือดระอุ ในสงครามเศรษฐกิจและทางทหารของมหาอำนาจขั้วเดิม สหรัฐและตะวันตก กับกลุ่มขั้วอำนาจใหม่รัสเซีย-จีนและพันธมิตรตะวันออก!!??