ไม่รอด!! นายกเล็กUKฟาดยับภัยพิบัติศก. ราคาเชื้อเพลิงพุ่ง ๘๐% GDP ติดลบ ปชช.ต้านรัฐบาลผลงานบอริส

0

สหราชอาณาจักรกำลังเข้าสู่ยุคมืดอย่างแท้จริง เพราะวิกฤติพลังงาน แต่รัฐบาลยังคงทุ่มทุนและใส่ใจการสงครามทั้งกับรัสเซียและจีนมากกว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่านายกฯคนเก่าหรือแม้แต่ว่าที่นายกฯคนใหม่ ดูเหมือนว่าประชาชนคงไม่ทน

ล่าสุดหน่วยงานตรวจสอบและควบคุมราคาพลังงานของสหราชอาณาจักร เตรียมปรับขึ้นเพดานค่าพลังงาน ๘๐% ในเดือน ต.ค. นี้ โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนเป็นต้นเหตุ แต่ปชช.ที่ติดตามข่าวสารรู้ดีว่า เพราะรัฐบาลอังกฤษเดินตามวาระวอชิงตัน เศร๋ษฐกิจประเทศรวมทั้งยุโรปจึงตองเจอวิกฤติแบบทำเขาแต่เจ็บเอง และก็เจ็บยาวอีกด้วย จึงได้เห็นการประท้วงของปชช.ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอังกฤษเริ่มโผล่ออกมาแล้ว เมื่อปักธงว่าราคาพลังงานกระฉูดผลักภาระให้ประชาชนคือภัยพิบัติแห่งชาติ

ขณะที่ราคาพลังงานในยุโรปยังคงพุ่ง All Time Highไม่หยุดเลย บริษัทชื่อดังอย่าง UBS ออกมากล่าวว่า GDP ของยูโรโซนน่าจะติดลบในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ นี้ หรือพูดง่าย ๆ ว่าก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือรีเซสชั่น (Recession) นั่นเอง

วันที่ ๒๗ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวบลูมเบิร์กสและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า สำนักงานตลาดก๊าซและกระแสไฟฟ้าหรือ ออฟเจม(Ofgem ) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงพลังงานของสหราชอาณาจักร ประกาศ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่วันที่ ๑ ต.ค. นี้เป็นต้นไป เพดานราคาพลังงานสำหรับผู้บริโภค จะเพิ่มจาก ๑,๙๗๑ ปอนด์ต่อปี ราว ๘๓,๖๓๐.๖๘ บาท เป็น ๓,๕๔๙ ปอนด์ ราว ๑๕๐,๕๘๖.๑๔ บาท คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึง ๘๐% โดยออฟเจมให้เหตุผลอย่างตรงไปตรงมา ว่าเป็นผลจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อ

ขณะเดียวกัน ออฟเจมยังเน้นย้ำการประเมินและทบทวนสถานการณ์ราคาพลังงานโลก ในทุก ๓ เดือน ซึ่งถี่มากขึ้น เมื่อเทียบจากปกติที่ ๖ เดือน เนื่องจากอุปสงค์พลังงานทั่วโลกยังคงเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปที่ทุกประเทศเร่งสำรองพลังงานให้เพียงพอใช้งานตลอดช่วงฤดูหนาวซึ่งกำลังใกล้เข้ามา เมื่อต้องเผชิญภัยพิบัติต้องเอาตัวรอดตัวใครก็ตัวมัน จึงเริ่มมีกระแสกดดันให้รัฐบาลทั้งในอังกฤษและประเทศอื่นๆในยุโรป หันกลับไปซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียอีก

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักร อยู่ที่ ๑๐.๑% เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ ด้านผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ไปในทางเดียวกัน ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น ๑๓% ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านพลังงาน

นายกเทศมนตรีลอนดอน ซาดิก ข่าน(Sadiq Khan) ฟาดแรงว่า สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับ ‘ภัยพิบัติแห่งชาติ’ พร้อม เรียกร้องให้ระงับการเรียกเก็บเงินเพิ่มทันที ซ้ำเติมประชาชน หลังจากออฟเจม ประกาศการเพิ่มขึ้นอย่างมากของราคา

นายกเทศมนตรีลอนดอนกล่าวว่า สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับ”ภัยพิบัติระดับชาติหากรัฐบาลล้มเหลวในการดำเนินการแก้ไขวิกฤตด้านพลังงานในทันที” หลังจากออฟเจมประกาศว่าค่าพลังงานเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น ๓,๕๔๙ ปอนด์จาก ๒,๓๒๓ ปอนด์ ในเดือน ตุลาคมปีนี้

ข่านกล่าวว่า “ราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น และครอบครัวจำนวนมากที่ต้องดิ้นรนหาเงินมา้ในการดำเนินชีวิตที่เพิ่มขี้น รัฐบาลนี้จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในตอนนี้วิกฤตค่าครองชีพกลายเป็นหายนะของชาติ”

ข่านเรียกร้องให้ระงับการเรียกเก็บเงินทันทีและออกมาตรการ ‘ภาษีช่วยชีวิต’ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่อ่อนแอที่สุดในสังคมจะได้รับพลังงานฟรีจำนวนหนึ่ง

มาร์ติน ลูอิส แกนนำผู้บริโภค กล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะหยุดยั้งได้ เมื่อบางครัวเรือนจะไม่จ่ายเงินกว่า ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ต่อปี

ลูอิสยังให้สัมภาษณ์ในรายงานอรุณสวัสดิ์บริเตนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “ขบวนการของชาวอังกฤษกำลังเติบโตขึ้นที่จะปฏิเสธการจ่ายค่าพลังงานที่ไม่เป็นธรรม หากรัฐบาลไม่ดำเนินมาตรการฉุกเฉิน ขบวนการของประชาชนจะ ‘ไม่จ่าย’ ” มันจะกลายเป็นเสียงที่ดังขึ้นทั่วประเทศ.” 

ขบวนการนี้รณรงค์ในชื่อว่า ด้อนท์เพย์ (Don’t Pay) มีการระบุในเว็บไซต์ว่ากำลังสร้างจุดแข็งและระดมกำลังสำหรับการประท้วงไม่ชำระเงินค่าพลังงาน ในหมู่ผู้ที่ต้องการท้าทาย”ระบบหัวเรือใหญ่”ของรัฐบาล

สภาสหภาพแรงงานแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า ราคาพลังงานตอนนี้สูงขึ้นเร็วกว่าค่าจ้าง ๓๕ เท่าและเร็วกว่าผลประโยชน์ที่พึงมีของประชาชนถึง ๕๗ เท่า และเตือนถึง สถานการณ์ “หายนะ”หากไม่มีการระงับการเรียกเก็บเงินค่าพลังงานของรัฐบาล

โจนาธาน เบรียเลย์(Jonathan Brearley) ผู้บริหารระดับสูงของ ออฟเจมยอมรับว่าการขึ้นราคาสูงสุดจะ“ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง”ต่อครัวเรือนทั่วสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่จำเป็นต้องทำเนื่องจากรัฐบาลไม่มีงบฯประมาณมาอุ้มส่วนนี้

เบรียเลย์กล่าวย้ำว่า “นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับผลกระทบของการขึ้นราคาที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมและปีหน้า” “การตอบสนองจะต้องสอดคล้องกับขนาดของวิกฤตที่เรากำลังเผชิญอยู่ต่อหน้าเรา ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไร”

คำกล่าวของเบรียเลย์ตอกย้ำ ข้อสรุปของนักเศรษฐศาสตร์ยูบีเอสกรุ๊ปที่ว่า ยูโรโซนเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือ รีเซสชั่นแล้ว แล้วอังกฤษจะรอดได้อย่างไร!!???