โลกระทึก! ปูตินสั่งขยายกองทัพ ๒.๐๔ ล้านนาย ประชุม SCO คุยนายทหารรัสเซีย-พันธมิตรพร้อมหน้า รับศึกใหญ่

0

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีกาฉบับหนึ่งในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพิ่มขนาดกองทัพรัสเซียจาก ๑.๙ ล้านนาย เป็น ๒.๐๔ ล้านนาย เป็นการรายงานข่าวจากรอยเตอร์ ฝั่งตะวันตกคำณวนจากตัวเลขรวมเดิมที่มีอยู่ แต่รัสเซียทูเดย์รายงานว่ารับนายทหารใหม่แล้วอีกกว่า ๑.๓ แสนนายต้นปีหน้ากำลังพลจะเป็น ๑.๑๕ ล้านนาย น่าสังเกตุว่าสื่อตะวันตกรายงานตัวเลขมากกว่าสื่อรัสเซีย แต่ความจริงในสงครามตัวเลขกำลังพลมักไม่ค่อยตรงกับข้อเท็จจริงนักเพราะเป็นความลับ ท่ามกลางสงครามกับยูเครนที่ยืดเยื้อครบครึ่งปีและย่างเข้าสู่เดือนที่ ๗ แล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณเตรียมรับศึกใหญ่ เมื่อสัมพันธ์ระหว่างชาติมหาอำนาจเลวร้ายลงอย่างถึงที่สุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ขณะที่การประชุมพันธมิตรเซี่ยงไฮ้ได้เริ่มขึ่น เป็นการประชุมเห็นหน้ากันครั้งแรกในปีนี้ของนายทหารของรัสเซีย-จีน-พันธมิตรเซี่ยงไฮ้ที่มีสมาชิก ๘ ประเทศสังเกตุการณ์ ๔ ประเทศ แม่ทัพรัสเซียแจงเหตุผลว่าที่รัสเซียใช้วิธีรบช้าๆไม่เร่งเผด็จศึก เพราะต้องการรักษาชีวิตของพลเมืองให้สูญเสียน้อยที่สุด และการรบที่ยืดเยื้อเป็นความต้องการของสหรัฐและตะวันตกที่ตั้งเป้าทำให้รัสเซียอ่อนแอทั้งเศรษฐกิจและการทหาร แต่โดยภาพรวมแล้วรัสเซียสามารถบรรลุเป้าหมายการปฏิบัติการพิเศษทางทหารที่ตั้งไว้ในทุกเฟส

วันที่ ๒๖ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียลงนามในกฤษฎีกาเพิ่มทหาร ๑๓๗,๐๐๐ นายเข้ากองทัพขนาดของกองทัพรัสเซียจะเพิ่มเป็น ๑.๑๕ ล้านนายในปีหน้า ตามคำสั่งที่ประธานาธิบดีได้ลงนามไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ส.ค.ที่ผ่านมา

เอกสารดังกล่าวซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐบาล ได้เพิ่มจำนวนทหารใหม่ ๑๓๗,๐๐๐ ให้กับกองกำลังติดอาวุธ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖

นอกจากนี้ยังสั่งให้คณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการขยายกิจการด้านการทหาร ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน ซึ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์และได้ขยายวงกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ด้วยการสนับสนุนยูเครนของสหรัฐและตะวันตก

มอสโกได้ส่งกองกำลังไปยังประเทศเพื่อนบ้านเมื่อ ๖ เดือนที่แล้ว โดยระบุว่าเคียฟล้มเหลวในการดำเนินการตามข้อตกลงมินสค์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ภูมิภาคโดเนตสก์และลูฮันสก์มีสถานะพิเศษภายในรัฐยูเครน ข้อตกลงที่เยอรมนีและฝรั่งเศสได้ร่วมลงนามด้วย การลงนามครั้งแรกในปี ๒๐๑๔ อดีตประธานาธิบดียูเครน พอตเตอร์ โปโรเชนโก (Pyotr Poroshenko) ยอมรับว่าเป้าหมายหลักของเคียฟคือการใช้เวลาหยุดยิง เพื่อซื้อเวลาและ”สร้างกองกำลังติดอาวุธที่ทรงพลัง”ได้ได้มีเจตนายอมรับข้อตกลงมินส์แต่อย่างใด

ในขณะที่การรุกรบในพื้นที่ยูเครนเคลื่อนที่อย่างช้าๆ และสื่อตะวันตกโหมกระแสว่าเพราะรัสเซียสูญเสียหนัก และยูเครนตอบโต้กลับ แต่ผลที่ได้รับคือรัสเซียยึดพื้นที่ดอนบาส เคอร์ซอนและเมืองยุทธศาสตร์ตอนใต้ของยูเครนอยู่ในความควบคุมอย่างสมบูรณ์แม้มีการโจมตีโดยอาวุธจากตะวันตกของยูเครนประปราย

ก่อนหน้านี้วันเดียว เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย กล่าวในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมขององค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือSCO ชื่อเต็มว่า Shanghai Cooperation Organisation ในอุซเบกิสถานเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเกี่ยวกับการที่กองทัพรัสเซียจงใจชะลอการรุกในปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครน มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน

ชอยกูกล่าวว่า “เราปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัดในระหว่างการปฏิบัติการพิเศษ การโจมตีจะดำเนินการด้วยอาวุธที่มีความแม่นยำสูงในสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของกองทัพยูเครน ซึ่งรวมถึงจุดบัญชาการ สนามบิน คลังอาวุธ พื้นที่เสริมความแข็งแกร่ง และพื้นที่อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ในเวลาเดียวกัน เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน แน่นอนว่า การรุกคืบช้าลงอย่างแน่นอน แต่เราทำอย่างมีสติ และทุกอย่างเป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่วางไว้”

รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวเสริมว่า “กองทหารรัสเซียกำลังทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อฟื้นฟูชีวิตที่สงบสุขในพื้นที่ปลดปล่อย” “เรากำลังให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวบ้าน ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และระบบช่วยชีวิต” 

ชอยกูยังกล่าวด้วยว่า “กองกำลังติดอาวุธของยูเครนใช้ยุทธวิธีที่รุนแรง ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง และทำตัวเหมือนเป็นผู้ก่อการร้าย” “พวกเขาตั้งจุดยิงในอาคารที่พักอาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล และโรงเรียนอนุบาล ติดตั้งรถถังและปืนใหญ่ที่นั่น และใช้พลเรือนเป็นเกราะกำบังมนุษย์ พวกเขาจงใจทำการตั้งถิ่นฐานและทิ้งทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อสร้างความเสียหายให้มากที่สุด ไม่สนใจพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน” 

เขาเสริมว่า “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ที่เปิดตัวกับยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ กำลังคืบหน้าตามแผนและจะบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งหมด แต่การจัดหาอาวุธให้กับยูเครนของสหรัฐและตะวันตก ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้น และผลักดันให้ความขัดแย้งทางอาวุธยืดเยื้อออกไป

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า.“เป้าหมายของสหรัฐฯ และผู้สมรู้ร่วมคิดคือการเตือนรัฐอื่น ๆ ที่ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระและการทำลายรัสเซียเชิงกลยุทธ์เพื่อขจัดคู่แข่งขัน” 

รัฐมนตรีกล่าวว่ากระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯได้ยืนยันมาก่อนหน้านี้ว่า ให้ทุนสนับสนุนห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาของยูเครนมากกว่า ๓๐ แห่ง และย้ำว่าการกระทำดังกล่าวที่พัฒนาส่วนประกอบของอาวุธชีวภาพเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อประเทศสมาชิก SCO อย่างไม่อาจนิ่งนอนใจได้

สมาชิกพันธมิตรเซี่ยงไฮ้ได้แก่ ๘ ประเทศคือ จีน-รัสเซีย-อินเดีย-ปากีสถาน-คาซัคสถาน-ทาจิกิสถาน-อุซเบกิสถาน ประเทศสมาชิกสังเกตุการณ์อีก ๔ ประเทศคือ อิหร่าน-เบลารุส-อาฟกานิสถานและมองโกเลีย