ฮือฮาอีกครั้ง กับผลศึกษาการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐ เปิดเผยชุดข้อมูลใหม่ โดยดร.สิธิตา คูชิและทีมงาน เป็นการศึกษารวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๑๙/๑๗๗๖ ยังพบว่าการแทรกแซงเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยสหรัฐฯ ได้เข้าแทรกแซงมากกว่า ๒๐๐ ครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่สองและมากกว่า ๒๕% ของการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างยุคหลังสงครามเย็น ทางการอิหร่านและสื่อซินหัวของจีนได้นำมาเผยแพร่สอดคล้องกับการทำสรุปรายงานของสื่อโกลบัลไทมส์เมื่อไม่นานนี้
วันที่ ๒๔ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวซินหัวและสถานีโทรทัศน์เพรส ทีวี ของอิหร่าน รายงานว่าผลการศึกษาเมื่อไม่นานนี้ว่าสหรัฐฯ ได้มีส่วนร่วมในสงครามทั่วโลกเกือบ ๔๐๐ ครั้ง นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศเมื่อปี ๑๗๗๖ จนถึงปี ๒๐๑๙
การศึกษา “การเริ่มต้นโครงการแทรกแซงทางทหาร : ชุดข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯ ปี 1776-2019” (Introducing the Military Intervention Project: A New Dataset on U.S. Military Intervention, 1776-2019) ระบุว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดและขีปนาวุธบนดินแดนประเทศอื่นๆ เฉลี่ย ๔๖ ลูกต่อวัน ตลอด ๒๐ ปีที่ผ่านมา
สงครามที่ “ไม่มีจุดสิ้นสุด” ซึ่งสหรัฐฯ บิดเบือนเป็น “ปฏิบัติการทางทหาร ปฏิบัติการของตำรวจ หรือการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม” มีจุดมุ่งหมายสนับสนุน “สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งคือความซับซ้อนของอุตสาหกรรมการทหาร”
รายงานข่าวอ้างอิงจูเลียส เอ็มบาลูโต นักวิเคราะห์การเมือง ระบุว่าสหรัฐฯ “จงใจ” วางแผนทำสงคราม และ “คำนวณเพื่อเพิ่มยอดจำหน่ายอาวุธถึงสูงสุด” ซึ่งบอกเป็นนัยถึงการสมรู้ร่วมคิดระหว่างผู้ผลิตอาวุธของสหรัฐฯ และผู้กำหนดนโยบายต่างประเทศในการส่งเสริมสงคราม
