มาครงก็ไม่รอด!!เอสแอนด์พีฯซัดฝรั่งเศสศก.ถดถอย เจอภัยแล้งใหญ่รอบ ๕๐๐ ปีลากยุโรปทรุด ส่อดันรีเซทโลก

0

ฝรั่งเศสซึ่งนับเป็นดินแดนที่เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของสหภาพยุโรปกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติ ทั้งภาวะถดถอย พร้อมกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นไม่หยุด สภาพคล้ายๆสหรัฐที่เฉียดใกล้กับภาวะสแต็กเฟลชั่น(Stagflation) ที่เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุดไปพร้อมๆกับเศรษฐกิจถดถอย(Recession)

วันนี้เอสแอนด์พีฯรายงานชัดว่า ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ภาคการผลิตทางเศรษฐกิจลดลงเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งปี สะท้อนแนวโน้มที่เห็นในประเทศเขตยูโรโซนอื่นๆคล้ายกัน พร้อมๆกับสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ ๕๐๐ ปี และยังไม่มีแนวทางในการแก้ไขอย่างแท้จริง

แนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังเดินไปสู่วิกฤติครั้งใหญ่ ของประเทศยักษ์ทางเศรษฐกิจอย่างฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนีอาจเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ผลักดันทำให้ต้องหันไปหนุนการกระตุ้นสงครามใหญ่ตามวาระวอชิงตัน เพราะถึงทางตันไม่อาจรับมือกับความเสื่อมทรุดของเศรษฐกิจทุนนิยมผูกขาดที่ผ่านจุดสูงสุดและกำลังเสื่อมทรุดอย่างที่สุด เราจึงไม่เห็นความพยายามในการระงับความขัดแย้ง มีแต่จุดพลุให้ร้อนไปทั่วหลายภูมิภาค

วันที่ ๒๔ ส.ค. ๒๕๖๕ สำนักข่าวบลูมเบิร์กและรัสเซียทูเดย์รายงานว่าปธน.เอ็มมานูเอล มาครง บอกกับคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ฝรั่งเศสกำลังมุ่งหน้าไปสู่​​”จุดจบของความอุดมสมบูรณ์”และต้อง “เสียสละ ” ในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 

มาครงกล่าวอย่างหนักแน่นว่า ประเทศและพลเมืองต้องพร้อมที่จะ”เสียสละ”เพื่อตอบสนองและเอาชนะความท้าทายที่พวกเราเผชิญอยู่ เขากล่าวต่อว่า “ระบบของเราขึ้นอยู่กับเสรีภาพที่เราเคยชินกับการใช้ชีวิต เมื่อเราต้องปกป้องมันในบางครั้ง ซึ่งต้องนำไปสู่การเสียสละ” 

สิ่งนี้อาจไม่ตรงกับความคิดของประชาชนฝรั่งเศสหรือประชาชนยุโรปเท่าใดนัก เพราะกระแสการต่อต้านเริ่มคุกรุ่นมากขึ้นและมากขึ้น

มาดูรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของ S&P Global ที่สะท้อนความล้มเหลวรัฐบาลมาครงไว้อย่างชัดเจน มาตรวัดกิจกรรมภาคเอกชนของฝรั่งเศสลดลง ในเดือนสิงหาคมสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การหยุดชะงักที่เกี่ยวข้องกับโควิดในต้นปี ๒๕๖๔ มันลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ และเลื่อนลงต่ำกว่าเกณฑ์

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลงทั้งในภาคบริการและการผลิต เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นทางธุรกิจ โดยรวมแล้ว กิจกรรมการบริการยังคงสูงกว่าระดับที่บ่งบอกถึงการขยายตัว ในขณะที่การผลิตลดลง

โจ เฮย์ส นักเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global กล่าวว่า “อัตราเงินเฟ้อของฝรั่งเศสที่สูงขึ้นแต่ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด-๑๙  ในขณะที่ธุรกิจและผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลงตามดุลยพินิจของแต่ละหน่วย” พร้อมเสริมว่า“เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มเข้าสู่รีเซสชั่นช่วงสิ้นปีที่ท้าทาย”

ข้อมูลจากหน่วยงานสถิติของรัฐหรือไอเอ็นเอสอีอี (INSEE) เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ ๒๔ ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ราคาผู้บริโภคในฝรั่งเศสแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าสามทศวรรษ อัตราเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้น ๐.๙% ในเดือนมิถุนายนจากเดือนก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อประจำปีอยู่ที่ ๖.๕% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี ๒๕๓๔ ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน สำหรับอัตราเงินเฟ้อนับตั้งแต่ฝรั่งเศสเริ่มใช้วิธีการการคำนวณของสหภาพยุโรป ในช่วงต้นทศวรรษ ๑๙๙๐/๒๕๓๓

อัตราเงินเฟ้อส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งเพิ่มขึ้น ๓๓.๑% ต่อปี ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่าต้นทุนการบริการเพิ่มขึ้น ๓.๓% เมื่อเทียบเป็นรายปี

รัฐบาลฝรั่งเศสและธนาคารกลางต่างปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งฝรั่งเศสนายฟรังซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กาลฮาว  (Francois Villeroy de Galhau) บอกวิทยุฟรังก์อินโฟ (France Info) เมื่อวันพุธว่า เศรษฐกิจซบเซาในประเทศไม่สามารถตัดออกได้ หน่วยงานกำกับดูแลยังคงชี้ไปที่การเติบโต ๒.๓% ตลอดปี ๒๕๖๕

บรูโน เลอ แมร์รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฝรั่งเศส เตือนว่ารัฐกำลังขาดแคลนเม็ดเงินทางการคลังเพื่อชดเชยราคาพลังงานที่สูงขึ้นสำหรับบริษัทและภาคครัวเรือน

ฟิล สมิธ(Phil Smith) ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ S&P Global Market Intelligence กล่าวว่า “ยุโรปกำลังเห็นการลดลงอย่างมากในกิจกรรมทางธุรกิจของภาคเอกชน”  “ความอ่อนแออย่างต่อเนื่องของภาคการผลิตเกิดจากการชะลอตัวในภาคบริการ อัตราเงินเฟ้อที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น”

นักวิเคราะห์ที่สำรวจโดย Bloomberg เตือนว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนที่มีสมาชิก ๑๙ ประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานพุ่งสูงขึ้น