หลังจากที่ ลิซ ทรัสส์ ตัวเต็งที่จะก้าวมาเป็นผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ซึ่งจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรคนใหม่ ประกาศกร้าวระหว่างศึกดีเบตเมื่อวันอังคาร ที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าเธอพร้อมยิงอาวุธนิวเคลียร์ไทรเดนต์ (Trident) ทำลายล้างถ้ามีความจำเป็น โดยเชื่อว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นหน้าที่อันสำคัญของคนเป็นนายกรัฐมนตรี
โดยประเด็นดังกล่าว ก็ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก และทำให้ทั่วโลกยิ่งจับตามองว่า หากลิซ ทรัสส์ ได้เป็นนายกฯ ประชาชนอังกฤษจะต้องพบความวุ่นวายไม่รู้จบแน่ หากผู้นำสนใจเรื่องศึกสงคราม ดังเช่นสหรัฐฯที่หนุนยูเครนมาตลอด
ล่าสุดมีรายงานว่า พล.อ.Andrey Gurulyov สมาชิกสภาดูมาของรัสเซีย ได้เปิดเผยผ่านสื่อทีวี ระบุว่า NATO ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ กำลังทำสงครามกับชาวยูเครน ไม่ใช่กองทัพรัสเซีย และรัสเซียอาจจะต้องโจมตีลิทัวเนีย และเอสโตเนีย ส่วนอังกฤษนั้น รัสเซียก็เปิดเผยอีกว่า อาจจะถูกโจมตีด้วยนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน
โดยปัญหาดังกล่าว ระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ที่ว่าอดีตนายกฯจอนห์ สัน ออกมาตอบโต้รัสเซียในหลาย ๆ เรื่อง และบอกว่า รัสเซียคงไม่คิดสั้น เอาอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ในสงครามยูเครน แต่ยังยืนยันว่าจะช่วยยูเครนด้านอาวุธต่อไป ทั้งที่ปูตินก็เตือนด้วยว่า หากยังไม่หยุดยื้อยื้อสงคราม อังกฤษก็ไม่อาจรอดจากนิวเคลียร์เช่นกัน เพราะหากรัสเซียทำเช่นนั้นจริง เกาะอังกฤษทั้งเกาะ ก็อาจจะหายไปในพริบตา
กลายเป็นที่น่าจับตามองเช่นกัน กับเป้าหมายใหม่ของรัสเซีย ที่ครั้งนี้เรียกว่า หมายหัวไว้ 3 ประเทศด้วยกัน คือ ลิทัวเนีย เอสโตเนีย และอังกฤษ ก่อนหน้านี้มีเหตุสังหารลูกสาวคนสนิทปูติน และมือต้องสงสัยได้หลบหนีไปยังเส้นทางเอสโตเนีย นั่นอาจจะเป็นอีกหนึ่งชนวนที่ทำให้รัสเซียเดินหน้าล้างแค้นกับประเทศต่าง ๆ และบุคคลที่มีส่วนในเหตุการณ์สังหารนี้ด้วย