สถานการณ์ล่าสุดเรื่องอ่อนไหว มหันภัยนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย บรรยกาศในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติพิจารณาเรื่องนี้ไม่ราบรื่น เพราะเซเลนสกี้ได้รับสิทธิพิเศษแถลงก่อนรัสเซีย โวยวายใส่ร้ายเสร็จก็ปิดการสื่อสารหนี เป็นครั้งแรกที่ทูตรัสเซียประจำUN ออกปากประณามพฤติกรรมสองมาตรฐานของหน่วยงานนี้และแฉรัวๆว่า รัฐบาลเคียฟอยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐและตะวันตกอย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันในพื้นที่ กองทัพรัสเซียจับสายลับยูเครนที่แฝงตัวในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชียแล้ว แต่โลกยังคงต้องจับตาดูปาหี่ที่UNSC ต่อไปว่า เมื่อรัสเซียมีหลักฐานแน่นขนาดนี้ ผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไร?
ด้านแนวรบในพื้นที่ กองทัพรัสเซียได้รุกคืบและควบคุมเขตนิโคเลฟ(Nikolaev) ของยูเครน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางตอนใต้ของประเทศ
วันที่ ๒๕ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า วาซิลี เนเบนเซีย(Vasily Nebenzia) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติประณามคณะมนตรีความมั่นคงที่ฉีกกฎอนุญาตบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกคณะฯ ปรากฎตัวและแถลงได้โดยไม่แจ้งที่ประชุมทราบล่วงหน้า เท่ากับปลี่ยนการประชุมในวันพุธ ให้กลายเป็นการประกาศจุดยืนของมหาอำนาจตะวันตกเกี่ยวกับการสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขสำหรับรัฐบาลในเคียฟ และคัดค้านคำพูดของเซเลนสกี้ที่ว่ารัสเซียคุกคามความเป็นอิสระของยูเครน ใครกันแน่ที่คุกคามยูเครน และประชาชนยูเครนอย่างแท้จริง
ทูตแย้งในที่ประชุมว่า “ภัยคุกคามเดียวต่อเอกราชของยูเครนคือรัฐบาลปัจจุบันในเคียฟ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตะวันตก”
เนเบนเซียกล่าวต่อที่ประชุมว่า “ความพินาศของยูเครนเริ่มต้นด้วยการทำรัฐประหารที่ผิดกฎหมายในปี ๒๐๑๔ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและตะวันตก”
“กลุ่มติดอาวุธของเคียฟเผาผู้คัดค้านจำนวนมากทั้งเป็นในโอเดสซา และทิ้งระเบิดชาวโดเนตสก์และลูฮันสก์ใน”สงครามครูเสดอย่างไร้เหตุผล” ซึ่งส่งผลให้ต้องสูญเสียไครเมียและความเป็นอิสระของสาธารณรัฐดอนบาส สงครามที่กินเวลาเกือบแปดปีอาจยุติลงได้ทุกเมื่อ หากยูเครนปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงมินสค์ แต่ทั้งเคียฟและผู้สนับสนุนชาวตะวันตกไม่ทำเช่นนั้น”
กองทหารยูเครนยังคงโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย และโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน ไม่ใช่แค่ในสาธารณรัฐโดเนตสก์และลูฮันสก์ แต่ในพื้นที่ต่างๆโดยตะวันตกทำเป็นเพิกเฉย
เนเบนเซียกล่าวกับสหประชาชาติว่า “อดีตหุ้นส่วนชาวตะวันตกของเรา แทนที่จะประณามรัฐบาลยูเครน กลับส่งอาวุธใหม่ให้พวกเขา ปล่อยให้เคียฟเข้าไปรุกทำลายสถานที่ที่ไม่เคยกำหนดเป้าหมายมาก่อน สิ่งนี้บ่งบอกว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมต่อพลเรือนยูเครน”
เนเบนเซียกล่าวย้ำว่า “เราทราบดีว่าเซเลนสกี้ตระหนักดีว่า กองกำลังยูเครนอยู่เบื้องหลังอาชญากรรมนี้ แม้ว่าเขาจะกล่าวหารัสเซียอย่างไม่ถูกต้องในวันนี้ก็ตาม”
เนเบนเซียยังชี้ให้เห็นว่า”ปธน.โจ ไบเดนของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ได้แบล็กเมล์ยูเครนให้ไล่ออกอัยการระดับสูง และวิธีการที่วิกตอเรีย นูแลนด์ของกระทรวงการต่างประเทศหารือเกี่ยวกับองค์ประกอบของรัฐบาลในเคียฟกับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ซึ่งไม่ใช่ชาวยูเครน ในการโทรศัพท์ที่ดักฟังอันอื้อฉาว ขณะนี้หน่วยงานของรัฐบาลยูเครนเกือบทั้งหมดเต็มไปด้วยที่ปรึกษาตะวันตกแล้ว”
เขาถามคณะมนตรีความมั่นคงว่า “ถ้านี่คือความเป็นอิสระ แล้วการพึ่งพาอาศัยกันจะเป็นอย่างไร”
ผลจากการประชุมครั้งนี้ยังไม่มีรายงาน แต่กองทัพรัสเซียได้จับสปายหนอนบ่อนไส้ เป็นคนงานสองคนที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย ทั้งสองคนได้ให้ข้อมูลกับเคียฟ รายละเอียดความเคลื่อนไหวของทหารรักษาความปลอดภัยรอบโรงไฟฟ้าฯ
กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติรัสเซีย รอสการ์ดิยา(Rosgvardiya)เปิดเผยว่า ได้ควบคุมตัวพนักงานสองคนของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporozhye ซึ่งเป็นคนให้ข้อมูลเกี่ยวกับกองทหารและที่ตั้งฮาร์ดแวร์แก่กองกำลังของเคียฟ
ศูนย์ปฏิบัติการโรงไฟฟ้าฯยังคงดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ในขณะที่กองทหารรัสเซียลาดตระเวนรอบสถานที่ และตรวจสอบอุปกรณ์ระเบิดและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่ระเบิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง
กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้านิวเคลียร์และเมืองเอเนอร์โกดาร์ (Energodar) ที่อยู่ใกล้ๆ ถูกกองกำลังของเคียฟโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า การโจมตีได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารหลายหลังในบริเวณโรงงาน ทำให้เกิดไฟไหม้และไฟฟ้าดับ
มอสโกว์เตือนว่า การโจมตีอย่างต่อเนื่องอาจทำให้โรงไฟฟ้าใช้งานไม่ได้และอาจส่งผลให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่คล้ายกับที่เชอร์โนบิลในปี ๒๕๒๙ อย่างไรก็ตาม เคียฟและเจ้าหน้าที่ตะวันตกบางคนกล่าวหารัสเซียว่า ถล่มโรงไฟฟ้าฯทั้งที่เป็นฝ่ายควบคุมโดยกองกำลังของรัสเซียเอง